วันจันทร์ที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2553

BlackBerry

BlackBerry Curve 8520
เครือข่าย GSM 850 / 900 / 1800 / 1900เครือข่าย 3G วางจำหน่าย กรกฎาคม 2009ราคาเปิดตัว ยังไม่กำหนดราคา

ตัวเครื่อง
ขนาด 109 x 60 x 13.9 มม.น้ำหนัก 106 กรัม
หน้าจอชนิด TFT, 65K สีขนาด 320 x 240 พิกเซล, 2.64 นิ้ว- คีย์บอร์ด QWERTY- Trackpad- Wallpapers
ระบบเสียง
ชนิด polyphonic, MP3ดาวน์โหลด ดาวน์โหลดเพิ่มได้การสั่น มี
หน่วยความจำ หน่วยความจำ- หน่วยความจำตัวเครื่อง 256 MB- microSD (TransFlash) เพิ่มได้สูงสุด 16GB
สมุดโทรศัพท์
- แสดงรูปภาพขณะมีสายเรียกเข้า (Photocall) การสนทนา-มี
การสื่อสารข้อมูล
ข้อความ -SMS, MMS, Email, Instant MessagingGPRS -Class 10 (4+1/3+2 slots), 32 – 48 kbpsHSCSD- มีEDGE -Class 10, 236.8 kbpsBluetooth -รองรับ v2.0 with A2DPUSB -รองรับ microUSBWLAN -Wi-Fi 802.11b/g
หน่วยความจำ
- หน่วยความจำตัวเครื่อง 256 MB- microSD (TransFlash) เพิ่มได้สูงสุด 16GB- แสดงรูปภาพขณะมีสายเรียกเข้า (Photocall)
การสนทนา -มี ข้อความ -SMS, MMS, Email, Instant MessagingGPRS -Class 10 (4+1/3+2 slots), 32 – 48 kbpsHSCSD- มีEDGE -Class 10, 236.8 kbpsBluetooth -รองรับ v2.0 with A2DPUSB -รองรับmicroUSB WLAN -Wi-Fi 802.11b/g
คุณสมบัติเด่น บราวเซอร์-HTML กล้อง- กล้องดิจิตอล 2 ล้านพิกเซล- กล้องตัวหลักความละเอียดสูงสุด 1600×1200 พิกเซล- ถ่ายวิดีโอได้ที่ความละเอียดระดับ QVGA
อื่นๆ
- ระบบปฏิบัติการ BlackBerry- รองรับฟังก์ชั่น A-GPS- รองรับจาวา- โปรแกรมเล่นไฟล์เพลง MP3/AAC/AAC+/WMA- โปรแกรมเล่นไฟล์วิดีโอ DivX/XviD/MPEG4/WMV- BlackBerry maps- Organizer- โทรออกด้วยเสียง
แบตเตอรี่
-ชนิด แบตเตอร์รี่มาตรฐาน, Li-Ion 1150 mAh-ระยะเวลารอรับสาย สูงสุดประมาณ 408 ชั่วโมง-ระยะเวลาใช้สาย สูงสุดประมาณ 4 ชั่วโมง

BlackBerry 8700g
blackberry_tour วันอังคาร กันยายน 1 2009 10:42 am ความเห็น (0) Tags: , , , , , , , ,
BlackBerry 8700g
ข้อมูลทั่วไป ระบบ รองรับ 4 ย่านความถี่ จีเอสเอ็ม 850 / 900 / 1800 / 1900 เมกะเฮิร์ตซ์
ขนาด 110 x 69.5 x 19.5 มิลลิเมตร น้ำหนัก 134 กรัม แบตเตอรี่ ลิเธียม ไอออน 1100 มิลลิแอมป์ หน่วยความจำ เอสดีแรม 16 เมกะไบต์ / แฟลช 64 เมกะไบต์ ระยะเวลาสแตนด์บาย สูงสุด 14 ชั่วโมง ระยะเวลาสนทนา สูงสุด 4 ชั่วโมง อุปกรณ์ภายในกล่อง 1. ตัวเครื่อง + แบตเตอรี่2. สายชาร์จ3. สายดาต้า4. หูฟัง5. คู่มือและซีดี ราคาเปิดตัว 18,000 บาท จอแสดงผล ขนาด 320 x 240 พิกเซล ชนิดและจำนวนสี TFT 65,536 สี ภาพหน้าจอ (Wallpaper) มี (โหลดเพิ่มได้) ภาพพักจอ (Screensaver) ไม่มี
เสียง ชนิด โพลีโฟนิคและทรูโทนด้วยไฟล์เอ็มพีสาม (โหลดเพิ่มได้) การอัดเสียง ไม่มี การใช้คำสั่งเสียง ไม่มี การโทรออกด้วยเสียง ไม่มี แฮนด์ฟรี มี รูปแบบและเมนูภาษา รูปแบบ ตาราง 6 x 3 / ใช้ซีพียูของอินเทล พีเอ็กซ์เอ 901 เอ็กซ์สเกล 312 เมกะเฮิร์ตซ์ ธีม มี ภาษาในเมนู อังกฤษ การป้อนข้อมูล แป้นพิมพ์ QWERTY / ไม่รองรับภาษาไทย โพรไฟล์ มี ไฟลท์โหมด (Flight Mode) มี สมุดโทรศัพท์ ความจุ จนกว่าหน่วยความจำจะเต็ม ประเภท ใส่รายละเอียดได้ แสดงภาพผู้โทรเข้า ไม่ได้ การแสดงผล แยกกันระหว่างเบอร์ในเครื่องและซิม กลุ่มผู้โทร มี การเลือกรับสาย ไม่มี
ออแกไนเซอร์ ปฏิทิน รายเดือน สัปดาห์ และวัน
ใส่นัดหมายและตั้งเตือนได้ สิ่งที่ต้องทำ (Task) มี สมุดบันทึก มี นาฬิกาปลุก มี นาฬิกาเวลาโลก มี นาฬิกาจับเวลา ไม่มี นาฬิกานับถอยหลัง ไม่มี เครื่องคิดเลข มี เครื่องแปลงหน่วย ไม่มี วอลเล็ต (Wallet) มี การตั้งเวลาเปิด-ปิด มี เครื่องคำนวนแบบต่างๆ ไม่มี มัลติมีเดีย กล้องดิจิตอล ไม่มี กล้องวิดีโอ ไม่มี วิทยุ ไม่มี เครื่องเล่นเพลง MP3 ไม่มี เครื่องเล่นวิดีโอ ไม่มี จาวา (JAVA) มี (โหลดเพิ่มได้) แต่งเสียงเรียกเข้า ไม่ได้ ดูทีวี
ข้อความ ประเภท SMS / MMS / E-mail (Push e-mail) ความจุ จนกว่าหน่วยความจำจะเต็ม การเชื่อมต่อและรับส่งข้อมูล การเชื่อมต่อภายนอก บลูทูธและสายดาต้า เบราเซอร์ (Browser) มี จีพีอาร์เอส (GPRS) มี เอดจ์ (EDGE) มี ไวไฟ (Wi-Fi) จีพีเอส (GPS) ข้อมูลอื่นๆ ไฟกะพริบ มีเปลี่ยนหน้ากาก ไม่ได้
ขอขอบคุณข้อมูลจาก

BlackBerry Pearl Flip 8220
BlackBerry Pearl วันอังคาร กันยายน 1 2009 10:32 am ความเห็น (0) Tags: , , , , , , , ,
BlackBerry Pearl Flip 8220
เครือข่าย GSM 850 / 900 / 1800 / 1900 เครือข่าย 3G วางจำหน่าย กันยายน ปี 2008ราคาเปิดตัว ยังไม่กำหนดราคา ตัวเครื่อง ขนาด 101.1 x 50 x 17.5 มม.น้ำหนัก 102 กรัม หน้าจอ ชนิด – หน้าจอแสดงผลแบบ 65,536 สี ขนาด – 240 x 320 พิกเซล, กว้าง 2.6 นิ้ว- คีย์บรอดแบบ QWERTY- ปุ่มควบคุมการทำงานแบบ Trackball ระบบเสียง ชนิด โพลีโฟนิก (Polyphonic) , MP3ดาวน์โหลด ดาวน์โหลดได้การสั่น มี, ช่องต่อชุดหูฟังขนาด 3.5 มม.
หน่วยความจำ – การ์ดหน่วยความจำภายนอกแบบ microSD อัพได้สูงสุด 8 กิกะไบต์ สมุดโทรศัพท์ – มี- แสดงรูปภาพขณะมีสายเรียกเข้า (Photocall) การสนทนา มี การสื่อสารข้อมูล ข้อความ SMS, MMS, Email,ข้อความแชท ( Instant Messaging)3G ไม่มีGPRS มีHSCSD ไม่มีEDGE มีBluetooth มี, เวอร์ชั่น 2.0 พร้อม A2DPUSB มี เวอร์ชั่น 2.0WLAN ไวไฟ Wi-Fi 802.11 a/b/gInfrared port ไม่มี คุณสมบัติเด่น บราวเซอร์ HTML กล้อง- กล้องดิจิตอล 2ล้านพิกเซล- ความละเอียดสูงสุด 1600×1200 พิกเซล- ถ่ายวีดีโอได้- มีไฟแฟรชในตัว
หน่วยความจำ
- ระบบปฏิบัติการ OS BlackBerry- โปรแกรม BlackBerry maps- โปรแกรม DataViz อ่าน และแก้ไขไฟล์เอกสาร- รองรับ Java- เครื่องเล่นเพลง MP3/WMA/AAC+- เครื่องเล่นวีดีโอ DivX/WMV/XviD/3gp- ระบบจัดการข้อมูลส่วนตัว- เครื่องคิดเลข- โทรออกด้วยเสียงได้- มีแฮนด์ฟรีในตัว- บันทึกเสียงได้ แบตเตอรี่ ชนิด ระบบแบตเตอร์รี่มาตรฐาน Li-Ion 900 mAhระยะเวลารอรับสาย เปิดรอรับสายสูงสุด โดยประมาณ 336 ชั่วโมงระยะเวลาใช้สาย สนทนาต่อเนื่องสูงสุด โดยประมาณ 4 ชั่วโมง
อื่นๆ


ข้อมูลทั่วไป BlackBerry 8800 - แบล็คเบอร์รี่- A Stylish Way to Get Things Done -
เปิดตัวครั้งแรก 5 มิถุนายน 2007 (สยามโฟนฯ)
ออกวางจำหน่าย 5 กรกฎาคม 2007
ราคาเปิดตัว 26,000 บาท (กรกฎาคม 50)
ข้อมูลตัวเครื่อง (Spec)
ระบบ Quadband (GSM 850/900/1800/1900 MHz)
จอแสดงผล TFT-LCD 65,000 สี - 320 x 240 พิกเซล - ปรับแสงหน้าจอกลางแจ้งและในที่ร่ม (Light sensing screen)
ปุ่มควบคุม Trackball 5 ทิศทาง (5 ways Navi-Key)- แป้นพิมพ์ QWERTY ในตัว (Full QWERTY keycommunity)
เสียงเรียกเข้า MP3, Polyphonic (Midi)- ไฟกระพริบเตือนเมื่อมีสายเรียกเข้า (LED indicator)- ระบบสั่น (Vibration in Phone)
หน่วยความจำ 64 เมกะไบต์ (ตัวเครื่อง) - การ์ดหน่วยความจำ microSD (T-Flash)

ระบบเชื่อมต่อและส่งข้อมูล (Connectivity)
รองรับการใช้งานโมเด็มในตัว (Tethered Modem)
ส่งผ่านข้อมูล (Data Transfer)- บลูทูธ Bluetooth™ , USB Port
ใช้งานอินเตอร์เน็ต xHTML, WAP 2.0 Browser
รับ-ส่งข้อความ (Messaging)- อีเมล์ Email, MMS, SMS ผ่าน EDGE, GPRS - ข้อความแชท Yahoo!®, Messenger, Google Talk™
รองรับ จาวาแอพลิเคชั่น - Java MIDP 2.0
จุดเด่นและคุณสมบัติพิเศษ (Feature)
ระบบค้นหาตำแหน่ง GPS พร้อมแผนที่ BlackBerry® Maps
เครื่องเล่นเพลง และวีดีโอ (Multimedia Player)

แฮนด์ฟรีในตัว (Build-In Handsfree)
โทรออกด้วยเสียง(Voice-Activated Dialing)
ออร์กาไนเซอร์, เครื่องคิดเลข, นาฬิกาปลุก, จดบันทึก, ปฏิทิน
การใช้งานของแบตเตอรี่
แบตเตอรี่มาตรฐาน Li-Ion - mAh (Standard Battery)
เปิดรอรับสาย 22 วัน (Standby Time)
สนทนาต่อเนื่อง 5 ชั่วโมง (Talk Time)
ข้อมูลผู้ใช้ แสดงความเห็นกับ BlackBerry 8800 [PIC & VOTE]รายละเอียด : Product Page [ENG Site]
page="Catalog Page";





















เนวิเกเตอร์

เนวิเกเตอร์เป็นสิ่งที่ไม่เคยมีมาก่อนเช่นเดวกับคอมพิวเตอร์ที่ก่อนหน้านี้ก็ไม่มีให้เราๆ ท่านๆได้เป็นเจ้าของกันง่าย อย่างตอนนี้ คอมพิวเตอร์เริ่มแพร่หลายมากจริงๆ ไม่เกินสิบกว่าปีที่ผ่านมา ซึ่งในการใช้งานครั้งแรกของคนส่วยใหญ่ถ้าไม่ได้ไปเรียนวิธีการใช้งานเบื้อต้นก็ต้องงมเอาเอง ถามเพื่อนบ้าง รู้ว่าจะทำอันนี้ต้องใช้อันนั้นกดอย่างนี้ต้องจดใส่กระดาษเป็นขั้นเป็นตอนในการใช้งานอะไรสักอย่าง อันนี้ก็เป็นตัวอย่างให้เห็นว่าอะไรที่เราไม่เคยใช่มาก่อนนั้นต้องศึกษาและอดทนกว่าจะใช้งานเป็นได้คล่อง จนเป็นที่พอใจ มินำซ้ำยังจะทำอะไรได้มากกว่าที่คาดไว้ได้อีกมากมาย
เนวิเกเตอร์หรือจีพีเอสแบบอื่นๆก็เช่นกัน ก่อนจะใช่ได้คล่อง ได้ประโยชน์ ต้องเรียนรู้ข้อจำกัดของอุปกรณ์มีอะไรบ้าง ไม่มีสิ่งใดที่จะทำอย่างที่เราต้องการได้ทุกอย่าง หรือใช้ง่ายจนไม่ต้องศึกษาใดๆ เลย
จากประสบการณ์พบว่าคนที่ใช้คอมพิวเตอร์ได้จะใช้เนวิเกเตอร์ได้เร็วกว่าคนที่ไม่มีพื้นฐานเลย ผู้ใหญ่ท่านอยากใช้เพราะไม่คุ้นกับถนนใหม่ทำให้ไปไหนไม่สะดวก แต่เมือซื้อมาแล้วต้องยอมแพ้ยกให้ลูกให้หลานไปใช้เพราะมึนไปหมดหากใช้คอมพิวเตอร์เป็นบ้าก็น่าซื้อให้ ถ้าใช้ไม่เป็นอย่าซื้อให้ดีกว่า เพราะคนรับคงดีใจตอนได้รับแต่เมื่อใช้แล้วใช้ไม่เป็นจะหงุดงิดทั้งคนให้และคนรับ ข้อสันนิษฐานก็คือถ้าใช้คอมพิวเตอร์ไม่เป็นเลยจะไม่เข้าใจตรรกในการทำงานของซอฟต์แวร์ต่างๆ ทำให้เมือใช้แล้วหลงทางอยู่ในเมนูของเครื่อง
การใช้เนวิเกเตอร์ในการนำทางนั้นต้องมีการเรียนรู้และปรับตัวให้เข้ากับการการทำงารของซอฟต์แวร์ การแสดงผลและเสียงบอกนำทางของเครื่องก่อนจึงจะใช้งานได้อย่างดี สิ่งที่ควรทราบคือ เนื่องจากซอฟต์แวร์นำทางเกือบทั้งหมดเขียนในต่างประเทศ ซึ่งการออกแบบถนนไม่ได้เป็นแบบบ้านเรา ทำให้เกิดข้อจำกัดในการใช้งานบางอย่างขึ้น เช่น

1. ถนนยกระดับ ซึ่งในกรุงเทพทีถนนซ้อนกันพอสมควรทำให้เครื่งงงว่าเราอยู่ด้านบนหรือด้านล่าง แต่ในประเทศเช่นอเมริกาเท่าที่เห็นจะไม่มีการสร้างถนนยกระดับซ้อนกับถนนด้านล่าง การออกแบบซอฟต์แวร์จึงไม่รองรับเรื่องนี้ ซึ่งแน่นอนว่าการใช้งานนั้นไม่ควรดูแต่การนำทางเฉพาะหน้าเท่านั้น ควรศึกษาเส้นทางที่เครื่องเลือกให้เดินทางและจดจำเส้นทางไว้ในใจด้วยอย่าพึ่งแต่เครื่องอย่างเดียว
2. ทางแยกสะพานต่างระดับที่ซับซ้อน รวมทั่งทางต่างระดับใน
ทางด่วนหรือมอเตอร์เวย์ ที่เพิ่งเจอเมื่อวานคือ ถนนวิภาวดีจะไปเซ็นทรัลลาดพร้าว ตอนนี้มีสพานข้ามไปเนื่องจากไม่ได้ไปแถวนั้นบ่อยนัก ก็จะงงว่าเส้นไหนกันแน่ เพราะเริ่มจากเส้นเดียวแต่แตกออกไป 3 ทางแยก ณ จุดเดียวกัน หากฟังเสียงอย่างเดียวอาจจะหลงได้ ต้องดูเส้นทางของเครื่องก่อนก็จะดี
3. อย่าขับตามเครื่องตลอด ถ้ารู้ทางบางส่วนให้ขับตามใจเรา ถ้าเราขับตามทางที่เราชอบเครื่องจะคำนวนเส้นทางใหม่เอง พอไปบริเวณที่ไม่รู้ค่อยเชื่อเครื่องถ้าไม่รู้อะไรเลยก็เชื่อเครื่องตลอด

4. นำทางในเมืองอยู่ดีๆ คำนวนเส้นทางใหม่เอง แม้ว่าไม่ได้เลี้ยวผิดหรือจอดอยู่เฉยๆ อันนี้อาจเกิดขึ้นได้ในบริเวณตึกสูงซึ่งจะบังสัญญาณทำให้เกิดตำแหน่งแกว่ง เครื่องก็จะงงว่าอยู่ตรงไหนกันแน่ อันนี้ก็เช่นเดียวกันให้ดูที่หน้าจอสรุปเส้นทางแล้วจดจำไว้ว่าเลี้ยวที่ไหนไปอย่างไรบ้างคร่าวๆ ก็จะช่วยได้ถ้าไม่ศึกษาเส้นทางไว้เลยมึนแน่นอนครับถ้าไปบริเวณที่มีตึกหนาแน่น
5. กฏจราจร บ้างครั้งอาจจะเจอว่าเครื่อบอกให้เลี้ยวขณะที่ป้ายจราจรบอกเลี้ยวไม่ได้ ก็อ่าจผิดพลาดตอนเก็บข้อมูลหรือตำรวจเปลี่ยนการจราจร ก็ต้องเชื่อป้าย
6. เสียงบอกนำกับเส้นทางไม่ตรงกัน อันนี้เกิดขึ้นได้จากการโปรแกรมที่ไม่ถูกต้อง ต้องดูเส้นนำทางเป็นหลัก
7. พาเข้าซอยตัน เคยเจอหนึ่งครั้งก็ให้เครื่องคำนวนใหม่โดยถอยหลังกลับไปแล้วดูแผนที่ในเครื่องประกอบ
8. พาไปไม่ถึงจุดหมาย แต่พาอ้อมไปบริเวณใกล้เคียง อันนี้ส่วนใหญ่เกิดจากการสร้างจุดหมายของเราในบิรเวณที่ไม่มีถนนในแผนที่ ทำให้เครื่องคำวนไปยังจุดที่ใกล้จุดนั้นที่สุดตามข้อมูลแผนที่ ดังนั้นจะสร้างตำแหน่งบ้านหรือจุดอื่นๆ เอง ให้ดูว่ามีถนนหน้าบ้านหรือไม่ ถ้าไม่มีให้ไปสร้างตำแหน่งที่มีถนนบริเวณเป็นจุดสุด
ท้ายซึ่งใกล้และเป็นถนนที่ไปยังจุดหมาย
9. เส้นทางที่เครื่องเลือกให้ไม่ถูกใจ ทำไงดี มี 2 ทางคือ ส่วนที่รู้ให้ขับตามทางที่เราชอบเครื่องจะคำนวนเส้นทางใหม่เองพอไปบริเวณที่ไม่รู้ค่อยเชื่อเครื่องที่เป็นเช่นนี้เพราะเครื่องไม่มีข้อมูลจราจรมาประกอบนอกจากความเร็วเฉลี่ยที่ถูกโปรแกรมมาเป็นค่าคงที่ แต่ถ้าเมื่อใดมีข้อมูลจราจรแบบเรียลไทม์มาประกอบเชื่อเครื่องน่าจะดีกว่าครับ อีกวิธีก็ใช้การแต่งเส้นทางโดยสร้างจุดแวะให้เครื่อวิ่งไปในทางที่ชอบ หรือเครื่องที่สร้างเส้นทางเก็บเอาไว้
ทั้งนี้ก็สรุปได้ว่าเนวิเกเตอร์เป็นเครื่องช่วยในการนำทางแต่ผู้ขับขี่ก็คือผู่กุมพวงมาลัย และเป็นผู้นำทมางตัวจริง อย่าทั้งความสามารถนี้ไปและพึ้งอต่เครื่อง ให้ศึกษาเส้นทางที่เครื่องแนะนำก่อนออกเดินทาง ดูในจุดที่น่าจะเป็นปัญหา จดจำเส้นทางคร่าวๆ ไว้เองด้วย และหากไปไกลศึกษาแผนที่กระดาษประกอบด้วยก็จะใช้ เนวิเกเตอร์ได้อย่างมีความสุข

ปาล์ม

Palm Pre - ปาล์ม Preขนาด : 100.5 x 59.5 x 16.95 มิลลิเมตรน้ำหนัก 135 กรัม

* ข้อมูลแคตตาล็อกเปิดตัวล่วงหน้า
- Preliminary information -

ข้อมูลทั่วไป
Palm Pre - ปาล์ม Pre- Thinking ahead is a beautiful thing -
เปิดตัวครั้งแรก 20 มกราคม 2009 (สยามโฟนฯ)
ออกวางจำหน่าย ไตรมาสที่ 1 ปี 2009 (ยังไม่ระบุ)

ข้อมูลตัวเครื่อง (Spec)
ระบบ GSM / UMTS / HSDPA / EVDO * ขึ้นอยู่กับการวางจำหน่ายในแต่ละประเทศ
จอสัมผัส Multi-Touch - 320 x 480 พิกเซล (3.1") - ระบบหมุนภาพอัตโนมัติ (Auto Rotating Display)

คีย์บอร์ด QWERTY
เสียงเรียกเข้า MP3, Polyphonic- ระบบสั่น (Vibration in Phone)
ระบบปฎิบัติการ Palm® webOS™
หน่วยความจำ 8 GB (ตัวเครื่อง)
ระบบตรวจจับ (Sensors)- Accelerometer :
ตรวจจับความเคลื่อนไหวของตัวเครื่อง- Proximity sensor : ตรวจจับระยะห่างระหว่างตัวเครื่องกับใบหน้า เพื่อปิดการใช้งานจอแสดงผลเวลาสนทนา- Ambient light sensor : ปรับแสงสว่างของไฟหน้าจออัตโนมัติ

ระบบเชื่อมต่อและส่งข้อมูล (Connectivity)
ส่งผ่านข้อมูล (Data Transfer)- WiFi 802.11b/g , WLAN (Wireless LAN) - บลูทูธ Bluetooth™ v2.1, micro-USB (USB v2.0) - รองรับชุดหูฟังสเตอริโอ (A2DP Bluetooth™ Stereo)
ใช้งานอินเตอร์เน็ต xHTML, WAP 2.0 Browser
รับ-ส่งข้อความ (Messaging)- อีเมล์ Email (POP3/IMAP) - MMS, SMS, ข้อความแชท (Instant Messaging)
รองรับ จาวาแอพลิเคชั่น - Java MIDP 2.0
จุดเด่นและคุณสมบัติพิเศษ (Feature)
ระบบดาวเทียม ค้นหาตำแหน่ง (Build-In GPS navigation)

กล้องดิจิตอล 3 ล้านพิกเซล พร้อมแฟลช (Digital Camera)
บันทึกภาพวีดีโอ พร้อมเครื่องเล่น (Video recording & Playback) - รูปแบบไฟล์ : MPEG4, H.263, H.264
เครื่องเล่น MP3/ACC Player- รูปแบบไฟล์ : MP3, AAC, AAC+, AMR, QCELP, WAV
ช่องเสียงชุดหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร

การใช้งานของแบตเตอรี่
แบตเตอรี่มาตรฐาน Li-Ion - mAh (Standard Battery)
เปิดรอรับสาย - ชั่วโมง (Standby Time)
สนทนาต่อเนื่อง - ชั่วโมง (Talk Time)

คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ค

คอมพิวเตอร์ หมายถึง เครื่องคำนวณ อิเล็กทรอนิกส์ที่สามารถทำงานคำนวณผลและเปรียบเทียบค่าตามชุดคำสั่งด้วยความเร็วสูงอย่างต่อเนื่องและอัตโนมัติ พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2525 ได้ให้คำจำกัดความของคอมพิวเตอร์ไว้ค่อนข้างกะทัดรัดว่า เครื่องอิเล็กทรอนิกส์แบบอัตโนมัติ ทำหน้าที่เสมือนสมองกล ใช้สำหรับแก้ปัญหาต่างๆ ทั้งที่ง่ายและซับซ้อน โดยวิธีทางคณิตศาสตร์
หรืออาจกล่าวได้ว่า เครื่องคอมพิวเตอร์หมายถึง เครื่องมือที่ช่วยในการคำนวณและการประมวลผลข้อมูล จากคุณสมบัตินี้ของเครื่องคอมพิวเตอร์ซึ่งไม่ใช่เครื่องคิดเลข เครื่องคอมพิวเตอร์จึงประกอบด้วยคุณสมบัติ 3 ประการคือ1. ความเร็ว (Speed) เครื่องคอมพิวเตอร์สามารถทำงานได้ด้วยความเร็วสูงมาก ซึ่งหน่วยความเร็วของการทำงานของคอมพิวเตอร์วัดเป็น - มิลลิเซกัน (Millisecond) ซึ่งเปรียบเทียบความเร็วเท่ากับ 1/1000 วินาที หรือ ของวินาที - ไมโครเซกัน (Microsecond) ซึ่งเทียบความเร็วเท่ากับ 1/1,000,000 วินาที หรือของวินาที - นาโนเซกัน (Nanosecond) ซึ่งเปรียบเทียบความเร็วเท่ากับ 1/1,000,000,000
วินาที หรือของวินาทีความเร็วที่ต่างกันนี้ขึ้นอยู่กับคุณสมบัติของอุปกรณ์คอมพิวเตอร์แต่ละยุค ซึ่งได้มีการพัฒนาให้เครื่องคอมพิวเตอร์มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น การใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ประมวลข้อมูล ได้เร็วในเวลาไม่เกิน 1 วินาที จะทำให้คอมพิวเตอร์มีบทบาทในการนำมาเป็นเครื่องมือใช้งานอย่างดียิ่ง2. หน่วยความจำ (Memory) เครื่องคอมพิวเตอร์ประกอบไปด้วยความจำ ซึ่งสามารถใช้บันทึกและเก็บข้อมูลได้คราวละมากๆ และสามารถเก็บคำสั่ง (Instructions) ต่อๆกันได้ที่เราเรียกว่าโปรแกรม แลนำมาประมวลในคราวเดียวกัน ซึ่งเป็นปัจจัยทำให้คอมพิวเตอร์สามารถทำงานเก็บข้อมูลได้ครั้งละมากๆ เช่น การสำรวจสำมะโนประชากร หรือรายงานผลการเลือกตั้งซึ่งทำให้มีการประมวลได้รวดเร็วและถูกต้อง จากการที่หน่วยความจำสามารถบันทึกโปรแกรมและข้อมูลไว้ในเครื่องได้ ทำให้เครื่องคอมพิวเตอร์มีคุณสมบัติพิเศษ คือสามารถทำงานได้อย่างอัตโนมัติ ในกรณีที่มีงานที่ต้องทำซ้ำๆหรือบ่อยครั้งถ้าใช้คอมพิวเตอร์มาช่วยในการทำงานเหล่านั้นก็จะทำให้เกิดประสิทธิภาพสูงซึ่งจะได้ทั้งความรวดเร็ว ถูกต้องแม่นยำและประหยัดเนื่องจากการเขียนคำสั่งเพียงครั้งเดียวสามารถทำงานซ้ำๆได้คราวละจำนวนมากๆ 3. ความสามารถในการเปรียบเทียบ (Logical) ในเครื่องคอมพิวเตอร์ประกอบไปด้วยหน่วยคำนวณและตรรกะซึ่งนอกจากจะสามารถในการคำนวณแล้วยังสามารถใช้ในการเปรียบเทียบซึ่งความสามารถนี้เองที่ทำให้เครื่องคอมพิวเตอร์ต่างกับเครื่องคิดเลข และคุณสมบัตินี้ทีทำให้นักคอมพิวเตอร์สร้างโปรแกรมอัตโนมัติขึ้นใช้อย่างกว้างขวาง เช่นการจัดเรียงข้อมูลจำเป็นต้องใช้วิธีการเปรียบเทียบ การทำงานซ้ำๆตามเงื่อนไขที่กำหนด หรือการใช้คอมพิวเตอร์ในกิจการต่างๆซึ่งเกิดขึ้นมากมายในปัจจุบัน และการใช้แรงงานจากคอมพิวเตอร์แทนแรงงานจากมนุษย์ทำให้รวดเร็วถูกต้อง สะดวกและแม่นยำ เป็นการผ่อนแรงมนุษย์ได้เป็น

หลักการแก้ไขปัญหาคอมพิวเตอร์
1.พยายามหาสาเหตุว่าเป็นเพราะส่วนประกอบใดของคอมพิวเตอร์โดยสังเกตุอาการที่เกิดขึ้นทุกครั้งที่คอมพิวเตอร์เกิดอาการผิดปกติหรือทำงานผิดพลาดคอมพิวเตอร์ จะแสดงข้อความที่จะบอกเราถึงสาเหตุที่เกิดขึ้น Drive A is not Access, Can not Fine this file,invalid Drive ข้อความเหล่านี้จะบอกถึงสถานะที่เกิดขึ้นขณะนั้น2.เมื่อมีสมมุติฐานในเบื้องต้นแล้ว สิ่งสำคัญที่จะต้องทำต่อมาก็คือ เราต้องพยายามพิสูจน์สมมุติฐานของเรา หรือพูดง่ายๆก็คือ ลองแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นดูก่อนโดยสังเกตูจากข้อความที่แจ้งหรืออาการที่เกิดขึ้นนั้น โดยในการลองผิดลองถูกนั้นเราจะต้องพยายามจดจำไว้เสมอว่าเราได้ทำอะไรไปบ้าง3.เมื่อเรารู้เป็นที่แน่ชัดแล้วว่าอาการเสียดังกล่าวเกิดขึ้นจากสาเหตุอะไร เราจะต้องพยายามศึกษษการทำงานเบื้องต้นของอุปกรณ์เหล่านั้นเสียก่อน เช่น ถ้าเกิดขึ้นจากฮาร์ดดิสก์ เราก็ควรจะรู้จักกับฮาร์ดดิสก์บ้างเล็กน้อย เป็น
ต้นว่า อะไรคือ Partition ทำไมต้องทำการแบ่งพาร์ติชัน มีความสำคัญอย่างไร4.ลงมือจัดการกับอาการเสียเหล่านั้นได้เลย โดยจะต้องพยายามจดจำสิ่งที่เราทำลงไปได้เสมอว่าทำอะไรลงไปบ้าง สำหรับการซ่อมอาการเสียในเบื้องต้นที่พบบ่อยๆ อาจแก้ไขเองได้ แต่ในอาการที่หนัก อาจส่งให้กับช่างผู้เชี่ยวชาญ5.หลังจากที่เราซ่อมในส่วนที่เราคิดว่าเสียหายจนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนสุดท้ายที่เราจำเป็นที่จะต้องทำ นั่นก็คือ การตรวจสอบการทำงานหลังการซ่อมเสร็จอแล้วนั่นเอง ถ้าหากว่าเราซ่อมได้ผล อาการเสียที่ว่าคงจะดีขึ้น

จุดเด่นจุดด้อยของโน้ตบุ๊คแต่ละยี่ห้อ 3 Months, 1 Week ago
Asusเด่นเรื่องการรับประกัน จะยาวนานกว่ายี่ห้ออื่นเป็นผู้ผลิต Mainboard ชื่อดัง การออกแบบจัดวางอุปกรณ์ภายในทำได้ดีปัจจุบันได้เริ่มผลิต Notebook บางรุ่นที่มีความโดดเด่นเรื่องการ์ดจอ เช่น รุ่น F8SGข้อด้อย Optical Drive และ แกนพับจอในบางรุ่นเสียง่าย.Acerเด่นเรื่อง Spec ต่อราคาคือถ้าราคาเท่ากัน จะได้ Spec เครื่องที่สูงกว่าหรือ Spec ที่เท่ากันจะราคาถูกกว่ายี่ห้ออื่นรูปทรงก็ดูสวยงาม โดนใจวัยรุ่นจึงมียอดขายเป็นอันดับ 1 ในไทยหลายท่านที่ใช้หลักการซื้อแบบเทียบ Spec แล้วซื้อตัวที่ถูกกว่าก็จะได้ยี่ห้อนี้ข้อ
ด้อยมักมีปัญหาที่หลากหลายหลังนำมาใช้ ซึ่งอาจจะเป็นเพราะราคาที่ถูกกว่ายี่ห้ออื่นก็เป็นได้.Toshibaเป็นยี่ห้อแรกๆ ที่ร่วมบุกเบิกการผลิต Notebookเด่นเรื่องความทนทาน และความเสถียรของ Software ยี่ห้อนี้จึงมักขายพร้อม Windows ลิขสิทธิ์ (แม้ในรุ่นราคาถูก)เมื่อก่อนเน้นขายตลาดบนราคาเฉียดแสนตอนนี้เปิดตลาดระดับล่างควบคู่กัน ด้วยราคา 2-3 หมื่นบาทก็มีขายเทียบ Spec. แล้วดูเหมือนจะแพง แต่ถ้าคิดราคา Software ลิขสิทธิ์แบบ OEM ราว 2-3 พันบาทก็จะพอๆ กับยี่ห้ออื่นข้อ ด้อย Notebook ค่ายนี้จะไม่เน้นเรื่องการ์ดจอ จะใช้การ์ดจอรุ่นเทียบเท่า Onboard ทั่วไป เช่น GMA X3100 (ยกเว้นรุ่น Qosmio AV notebook).Lenovoผู้ผลิตคอมพิวเตอร์รายใหญ่สัญชาติจีนมีส่วนแบ่งการตลาดอันดับ 4 ของโลกรองจาก HP, Dell, Acerเดิมเป็นผู้ผลิต Notebook และ PC ให้กับ IBMตอนหลังซื้อกิจการส่วน PC/Notebook มาทำตลาดเองเป็น Notebook ที่เน้นความทนทาน โดยเฉพาะรุ่น ThinkPadภายหลังออกเป็นรุ่น IdeaPadข้อด้อยการออกแบบภายนอกยังคงมีรูปลักษณ์ที่รับมาจาก IBM มากรูปทรงอาจเชยๆ ไม่โดนใจวัยรุ่น.HP/Compaq (ค่ายเดียวกัน)ผู้ผลิตคอมพิวเตอร์รายใหญ่ของโลกส่วนแบ่งการตลาดมียอดขายเป็นอันดับ 1 ของโลกทำตลาดระดับบนด้วย Notebook HP รุ่น Pavillionขายระดับล่างด้วยยี่ห้อ Compaqเป็น Notebook ที่ให้ประสิทธิภาพในการใช้งานได้ดีมากยี่ห้อหนึ่งมีศูนย์บริการค่อนข้างครอบคลุมทั่วไทยส่วนรูปทรงการออกแบบเป็นอเมริกันจ๋า อาจไม่ค่อยโดนใจวัยรุ่นไทย.BenQเคยเป็นผู้ผลิตอุปกรณ์ร่วมกับ Acerในต่างประเทศจะมีชื่อเสียงมาก่อนไทยในไทยพึ่งเริ่มเข้าทำตลาด ด้วย Notebook ที่เน้นเรื่องการ์ดจอเช่น รุ่น Joybook S41และการออกแบบภายนอกที่ค่อนข้างโดนใจวัยรุ่นแต่หลายท่านจะบ่นเรื่องต้องรอนานเมื่อเคลมประกัน (บางชิ้น เช่น Mainboard ต้องสั่งจากนอก)ซึ่งอาจจะเกิดจากการ Support/Service ยังไม่เข้าที่เข้าทางจากการเริ่มเข้าทำตลาดใหม่ๆ ในประเทศไทยSonyเป็น Notebook สัญชาติญี่ปุ่นที่เน้นทำตลาดระดับบนด้วยการออกแบบที่สวยงามSpec เครื่องที่สูงแต่ราคาก็สูงตามไปด้วยช่วงหลังเปิดตลาดระดับกลางด้วย Notebook ระดับราคาประมาณ 4-5 หมื่นบาทด้วยFujitsuเป็น Notebook สัญชาติญี่ปุ่นเช่นกันใช้สีเทาเงินเป็นเอกลักษณ์เป็น Notebook ที่จับตลาดระดับบนเช่นเดียวกับ Sonyเน้นการออกแบบ และ Spec ที่สูงราคาก็สูงตามไปด้วยเช่นกันDellเป็น Notebook ที่มีวิธีการจำหน่ายแบบแตกต่างจากยี่ห้ออื่นไม่มีขายตามร้านจำหน่ายทั่วไป ถ้าเห็นมีขายแสดงว่าร้านนั้นโทรฯ สั่งซื้อจาก Dell มาอีกทีถ้าต้องการสั่งซื้อเราจะโทรฯ ติดต่อกับ Sale เพื่อกำหนด Spec ตามที่เราต้องการหลังจากนั้นจะเข้าสู่กระบวนการผลิตและจัดส่งNotebook ของ Dell เด่นเรื่องความทนทานและการบริการถ้าเครื่องมีปัญหาช่างจาก Dell จะให้บริการแบบ Onsite Service (บริการถึงบ้าน/สำนักงานในวันทำการถัดไป)แต่ลักษณะการขายแบบนี้คนไทยเราไม่ค่อยคุ้นเคยและไม่เห็นสินค้าก่อนการโอนจ่ายเงินดังนั้นอาจได้เครื่องที่รูปทรงไม่ถูกใจได้(สำหรับเบอร์โทรสั่งซื้อสินค้าจากบริษัท Dell ได้แก่ 1800-060-061 ​จันทร์​-​ศุกร์​ 8.00-17.00 ​น.)SVOA ,Atecเป็น Notebook ที่เรียกว่า Local Brand ครับ หรือเป็นยี่ห้อของไทยSVOA เป็นของบริษัทสหวิริยาโอเอซึ่งเดิมเป็นบริษัทตัวแทนจำหน่ายคอมพิวเตอร์ ยี่ห้อ Acer เมื่อ Acer เป็นที่นิยมในไทยบริษัทแม่เลยเข้ามาทำตลาดเอง สหวิริยาโอเอจึงหันมาทำตลาดคอมพิวเตอร์ในชื่อของตนเองคือ SVOAเป็น Notebook ที่เมื่อเทียบ Spec/ราคา ก็คล้ายๆ Acer คือ Spec เท่ากันราคาจะถูกกว่า หรือ งบเท่ากันจะได้ Spec ที่ดีกว่า เป็น Notebook ที่เน้นในเรื่องการออกแบบรูปลักษณ์แต่ในการนำมาใช้งานก็เห็นผู้ใช้บ่นกันในเรื่องการบริการหลังการขายพอสมควรนะครับแถม Mac Book นะครับจากค่าย Apple คอมพิวเตอร์ที่มีความโดดเด่นเรื่องการใช้งานด้าน Graphicและการออกแบบที่ถือว่าอยู่ในขั้นเทพผลิตภัณฑ์จากค่ายนี้การออกแบบจะใส่ใจทุกรายละเอียดจึงได้ผลิตภัณฑ์ที่มีความสวยงามลงตัวสะดวกในการใช้งาน(ถ้าคุ้นเคยแล้ว)ปัจจุบันได้ใช้ CPU จาก Intel ในผลิตภัณฑ์ ทำให้สามารถลง Windows และ OS X Leopard ในเครื่องเดียวกันได้ผู้ใช้ Mac Book จะดูภาพลักษณ์ดี ไวรัสไม่ค่อยกวนใจแต่ถ้าเครื่องมีปัญหาก็อาจมองหาผู้รู้ยากหน่อย รวมทั้งราคาก็ยังถือว่าสูงกว่า PC Notebook อยู่บ้างครับที่มา www.thainotebook.com/webboard/index.php?topic=277.0เพิ่มเติมโน้ตบุ๊คแต่ละยี่ห้อ ควรสอบถามเกี่ยวกับการประกันสินค้าด้วยนะและที่สำคัญสุด ๆ หากซื้อไปใช้งานนอกสถานที่เป็นส่วนใหญ่ หรือแม้แต่อยู่ในบ้านก็ตามควรซื้อประกันเพิ่มแต่โดยดี อย่าเห็นว่าเงินค่าประกันที่เป็นส่วนเพิ่ม สามพันถึงเจ็ดพัน จะดูแพงนะเพราะถ้าหมดประกัน แล้วส่งซ่อม ค่าซ่อม ค่าใช้จ่ายน่ะ แพงกว่าค่าต่อประกันซะอีกเวลาเราพาเพื่อนไปซื้อโน้ตบุ๊ค ส่วนใหญ่ก็ย้ำให้ซื้อประกันเพิ่ม เว้นแต่ว่าบางคนไม่ได้สนใจ อันนี้ก็ปล่อยเค้าไป

พ็อคเก็ตพีซี

พ็อคเก็ตพีซี

พ็อคเก็ตพีซี ปัจจุบันจะมีกลุ่มผู้ใช้พ็อคเก็ตพีซีหลัก ๆ ที่ได้รับความนิยมอยู่ 2 ระบบ คือ ระบบปฏิบัติการ (OS) เป็น Pocket PC 2002 กับระบบ Windows Mobile 2003 ที่เป็นระบบในปัจจุบัน ซึ่งอาจเรียก ระบบปฏิบัติการทุกระบบของพ็อคเก็ตพีซีว่า Windows CE เจ้าเครื่องพ็อคเก็ตพีซีเล็ก ๆนี้ ดูคล้ายกับ Windows บน PC แต่ก็ไม่ใช่ทั้งหมด เพราะมันคือ Windows บน PDA ส่วนที่ว่าคล้ายกันก็เช่น Start Menu, taskbar, desktop, Control Panels(หรือ Settings) ซึ่งส่วนทั้งหมดนี้สามารถเรียกใช้ได้ ทันทีที่เปิดเครื่อง การเรียกใช้งาน คุณอาจใช้ปากกา Stylus หรือบางครั้งก็ใช้นิ้วถ้าคุณไม่กังวลในเรื่อง รอยนิ้วมือของคุณที่จะประทับอยู่บนหน้าจอ พ็อคเก็ตพีซีส่วนใหญ่จะมีหน้าจอขนาด 240 x 320 พิเซลส์ จำนวนสี 16 บิท 65,000 สี และทั้งหมดจะมีช่องใส่ Compact Flash หรือ SD หรือทั้งสองอย่าง เพื่อใช้เป็นที่เก็บข้อมูลและเป็นหน่วยความจำภายนอก ทำให้ไม่มีข้อจำกัดด้านปริมาณของไฟล์หรือข้อมูล เช่นเดียวกันกับ hard-disk บนเครื่อง PC และช่องสำหรับใส่การ์ดความจำเหล่านี้ สำหรับพ็อคเก็ตพีซี รุ่นใหม่ ๆ ยังอนุญาตให้การ์ดที่เป็นโมเดมและเน็ทเวอร์คการ์ดได้ เป็นลักษณะของ IO Slots พ็อคเก็ตพีซี เข้ากันได้ดีในการเชื่อมต่อกับเครื่องพีซีที่ใช้ระบบ Windows แต่ก็มีปัญหากับระบบของ Mac
โปรแกรมส่วนใหญ่สำหรับพ็อคเก็ตพีซี ใช้จำนวนบิทมากกว่าระบบ Palm OS มาก แต่โปรแกรมหลักๆ ที่อยู่บนเครื่องก็มีขนาดเล็ก ใกล้เคียงกับปาล์ม ซึ่งแอปปลิเคชั่นเหล่านี้ได้แก่ Pocket Outlook สำหรับรับส่งเมล์, Calendaring และ task management สำหรับบันทึกการนัดหมาย งาน และเป็นเครื่องมือช่วยเตือนความจำ, Notes สำหรับบนทึกข้อความสั้น ๆ พร้อมการบันทึกเสียง, Pocket Internet Explorer เป็น web browser สำหรับเข้า internet คล้ายกับ Internet Explorer บนเครื่องพีซี, Pocket Word และ Excel เพื่อใช้งานด้าน Office การ input ข้อมูลจะใช้ Stylus กับ on-screen keyboard หรือการเขียนบนหน้าจอ โดยตรงโดยใช้กับโปรแกรมจดจำลายมือ ซึ่งมีอยู่บนระบบปฏิบัติการของพ็อคเก็ตพีซี และยังมีซอฟท์แวร์จากภายนอกที่สนับสนุน การเขียนแบบต่อเนื่อง และให้ประสิทธิภาพดีกว่า เช่น CalliGrapher
พ็อคเก็ตพีซีกับการเริ่มต้นในตลาด PDA
พ็อคเก็ตพีซี ถูกแนะนำครั้งแรกในตลาด PDA โดยไมโครซอฟท์ เมื่อวันที่ 19 เมษายน 2543 โดยใช้ระบบ
ปฏิบัติการ Windows CE ต่อมาเมื่อปี 2544 พ็อคเก็ตพีซีได้เปลี่ยนระบบเป็น Pocket PC 2002 OS โดยมีการพัฒนาในเรื่อง user interface และ networking เพื่อให้การใช้งานและการเชื่อมต่อกับระบบเครือข่ายภายนอก มีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น และจุดเปลี่ยนแปลงของ Pocket PC 2002 ที่เห็นได้ชัดคือ เครื่องพ็อคเก็ตพีซีที่มีขนาดของหน่วยความจำใหญ่ขึ้น แต่ก็มีการทำงานของระบบที่รวดเร็วขึ้นด้วย
Windows Mobile 2003 (Pocket PC 2003)เมื่อเดือนมิถุนายน 2546 พ็อคเก็ตพีซี ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Windows Mobile 2003 หรือที่หลายๆ คนยังนิยมเรียกตามระหัสเดิมว่า Pocket PC 2003 ก็เข้าสู่ตลาด PDA ซึ่งถ้าดูโดยผิวเผินก็จะเห็นว่าไม่ได้มีอะไรที่แตกต่างไปจาก Pocket PC 2002 แต่ที่จริงแล้ว บนระบบ Windows Mobile 2003 ได้มีการแก้ไขปรับปรุงส่วนที่บกพร่องของ Pocket PC 2002 และ Pocket Internet Explorer ในเวอร์ชั่นใหม่ที่สนับสนุน web browser ที่หลากหลายกว่าเดิม พัฒนาการเชื่อมต่อทั้งแบบเครือข่ายไร้สายที่สามารถ ติดตั้งได้ง่ายและมีประสิทธิภาพสูงขึ้น การพัฒนาระบบของแอปปลิเคชั่นที่สามารถเรียกใช้คำสั่งต่าง ๆ ของ XScale ซีพียูตัวใหม่ได้ เต็มที่ Windows Mobile 2003 ถูกสร้างขึ้นบน
แกน Windows CE 4.2 ขณะที่ระบบเก่าจะพัฒนาบน Windows CE 3.0ฟีเจอร์มาตราฐานของพ็อคเก็ตพีซีพ็อคเก็ตพีซีทุกเครื่องจะประกอบด้วย stereo headphone jack และ Windows MediaPlayer ที่สามารถเล่นไฟล์ MP3 และไฟล์วิดีโอแบบ WMV ของมีเดียเพลเยอร์เองได้ทันทีโดยไม่ต้องดัดแปลง นอกจากนี้โปรแกรมประเภท Office ได้แก่ Pocket Word, Pocket Excel และ MS Money ก็มีมาให้อย่างครบครันโดยไม่ต้องหามาเพิ่มเติม บนพ็อคเก็ตพีซีทุกเครื่องจะมาพร้อมกับ MS ActiveSync ซึ่งเป็น desktop syncing แอปปลิเคชั่น เพื่อใช้เชื่อมต่อระหว่างพ็อคเก็ตพีซีกับเครื่องพีซี การเชื่อมต่อแบบ ActiveSync นี้ จะเป็นการเชื่อมเข้าสู่ข้อมูลใน Outlook เพื่อแลกหรือถ่ายข้อมูลระหว่างพ็อคเก็ตพีซีกับพีซี เช่น mail, calendar, contack, task เป็นต้น ActiveSync จะสนับสนุนการเชื่อมต่อข้อมูลแบบ "partnerships" ซึ่งเป็นการกำหนดชื่อผู้ใช้กับเครื่อง พีซี 2 เครื่องได้ เช่น เครื่องพีซีที่บ้าน และกับที่ทำงาน เป็นต้น ขณะเดียวกันเรายังใช้พ็อคเก็ตพีซีเพื่อรับส่งไฟล์หรือแอปปลิเคชั่นกับ เครื่องพีซีอื่น ๆ ได้ในโมดของ guest พ็อคเก็ตพีซีที่เป็นระบบ Pocket PC 2002 มาจนถึง Windows Mobile 2003 มักจะมา พร้อมกับแท่นเชื่อมต่อ (cradle connection) ที่เป็น USB แต่ถ้าต้องการใช้แบบ serial ก็สามารถหาซื้อเพิ่มเติมได้
พ็อคเก็ตพีซีส่วนใหญ่จะมีหน่วยความจำภายในคือ RAM 32 หรือ 64 MB แต่ก็อาจมี 128 หรือ 256 MB มาให้เห็นกันเร็ว ๆ นี้ และยังมีหน่วยความจำภายในแบบถาวรคือ ROM ขนาด 16, 32 หรือ 48 MB ในส่วนของ ROM นี้จะใช้เป็นที่เก็บระบบปฏิบัติการ และแอปปลิเคชั่นบางตัวแบบถาวรไว้ใน ROM ส่วนของ CPU ปัจจุบันจะเป็น StrongARM ที่ความเร็ว 206 MHz หรือ CPU ตัวใหม่คือ XScale ที่มีความเร็ว 300 และ 400 MHz เครื่องพ็อคเก็ตพีซีส่วนใหญ่จะมี SD card slot หรือ CompactFlash มาให้หนึ่งช่อง แต่ก็มีบางรุ่นที่มีช่องเสียบมาสองข่องโดยสามารถใช้ได้ทั้ง SD และ CompactFlash เมโมรีการ์ดเหล่านี้ต่างก็นิยม ใช้กันอยู่แล้วกับกล้องดิจิตอลส่วนใหญ่ และช่องเหล่านี้มักจะใช้ได้กับส่วนขยายที่เป็น IO เช่น CF modems, Ethernet cards และ WIFI (802.11b wireless Ethernet networking) card และพ็อคเก็ตพีซีทุกเครื่องจะมี IrDA 1.2 infraed, stereo headphone jack, stylus, buil-in speaker และ microphone, syncing cradle และ ปุ่มคำสั่งต่าง ๆ บนเครื่อง จะเป็นส่วนที่มีมาแบบมาตรฐานของพ็อคเก็ตพีซีทุกเครื่อง
บทสรุป
พ็อคเก็ตพีซีมีฟังขั่นต่าง ๆ แบบเดียวกับที่ปาล์มมี แต่จะใช้โปรเซสเซอร์ที่สูงกว่า หน่วยความจำที่มีประสิทธิภาพรวมถึงความสามารถ ด้านการ์ฟิคที่เหนือกว่าเครื่องปาล์มมาตรฐานส่วนใหญ่ (แต่ไม่ทั้งหมด เพราะมีเครื่อง PDA ระบบปาล์มที่พัฒนาส่วนของการแสดงผล ด้านการ์ฟิคดีขึ้น แต่มาตรฐานของพ็อคเก็ตพีซีจะสนับสนุนส่วนนี้อยู่แล้ว) ระบบปฏิบัติการของพ็อคเก็ตพีซีจะมีความต้องการทรัพยากร สูงกว่าระบบของปาล์ม ทั้งในด้านหน่วยความจำเป็นโปรเซสเซอร์ กับจอสีที่สวยงาม การใช้งานที่มีประสิทธิภาพสูง และการเริ่มต้นของ ราคาตั้งแต่หนึ่งหมืนบาทต้น ๆ ขึ้นไป พ็อคเก็ตพีซีน่าจะเป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการมี PDA มาใช้งานสักเครื่อง


Dopod P800W
GPS PDA Phone เครื่องแรกที่มาพร้อมกับระบบนำทางด้วยกายภาพ รูปทรงโดดเด่นไม่เหมือนใคร สีเทาโทนเหล็กให้ความรู้สึกหรูหรา เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการมีสไตล์แบบไม่ซ้ำใคร มาพร้อมกับลูกเล่นวงล้อด้านหน้าที่สามารถควบคุมหน้าจอได้ โดยจะมี ลูกศรเหมือน Mouse เหมือนหน้าจอคอมพิวเตอณ์ที่เราใช้งานกันอยู่ ด้านตัวโทรศัพท์เป็นระบบ Quadband GSM with EDGE มีชิพการใช้งาน GPS ในแบบ SiRF III chipset for GPS ไม่ต้องมีเสายื่นออกมานอกตัวเครื่อง มี FM radio ในตัว น้ำหนักเบาเพียง 128 กรัม มีการเชื่อมต่อทั้ง Wi-Fi และ Bluetooth กล้อง 2-megapixel CMOS camera ราคาค่าตัวเฉือน M700 อยู่ไม่มาก โดยค่าตัวของ P800W นี้มีราคาค่าตัวที่ประมาณ 28,500 บาท ถ้าเพิ่มอีกนิดแล้วได้ GPS สงสัยคงต้องเป็นทางเลือกแรกๆสำหรับสาวก Dopod
เป็นโทรศัพท์ระบบ Quadband GSM with EDGE
รองรับระบบนำร่องดาวเทียม GPS
Chipset SirF star III ที่รับสัญญาณได้แม้แต่อยู่ในร่ม รองรับได้ 20 แชนแนล
หน้าจอขนาด 2.8 นิ้ว ความละเอียด 240 x 320 pixels
FM radio ในตัว
กล้อง 2 ล้านพิกเซล

มี Trackball ปุ่มสำหรับการควมคุม Mouse Pointer และ TrackWheel สำหรับการควบคุมการทำงาน
มีการเชื่อมต่อทั้ง Wi-Fi และ Bluetooth สำหรับการเชื่อมต่อไร้สายด้วย Speed ที่สูง
มาพร้อมระบบแผนที่ MapKing R12 ใหม่ล่าสุด ซึ่งจะช่วยให้ทราบตำแหน่งที่ตนเองอยู่ทุกจุดทุกเวลา ไม่มีคำว่าหลงทางอีกต่อไป
ราคา 29,900 บาท
Processor
TI OMAP 850 200MHz
Operating System
Microsoft Windows Mobile 5.0 Pocket PC Edition AKU3.2
Installed Memory
SD RAM 64MB
Hardware Expansion
Memory slot: MicroSD
Display
TFT-LCD 65K สี (Handwriting recognition and Landscape & Portrait mode)
Display Resolution
240x320 pixels (QVGA)
Display Size
2.8"
Color Screen
65536 colors
Data Input Method
Stylus
Installed ROM (MB)
Flash ROM 128MB
Connectivities
Bluetooth v2.0, Support Bluetooth Headset (A2DP และ AVRDP)
Wireless
802.11b/g wireless LAN
USB
Mini USB 1.1 Synchronization with desktop
Infrared
Yes
Audio out jack
standard 3.5mm jack
Voice Recorder
Yes
Speaker
Built-in speakers
Battery
Rechargeable 1,200mAh battery
Battery Life
Standby time: 200 hours / Talk time: 5 hours
Package Contents
Dopod P800W, AC Adapter, Battery, Pouch, Stylus, Atenna, Car Charger, Car Holder, ActiveSync CD, Mini USB Cable, Stereo headset, User Guide
Included Applications
Outlook Mobile, Office Mobile (Word, Excel, Powerpoint), Adobe Reader (PDF), IE Mobile
Included Software
Windows Media Player 10 Mobile, PocketMSN, Activesync, Comm Manager, Internet Sharing, Network Wizard, Audio Manager (via web download), RSS News Reader, Cyberon Voice Commander, Sprite Backup, Zio Golf (Game), CE-Star (via web download)
Other Features
SIRF III chipset (20 parallel channel receiver)
GSM Quadband (850/900/1800/1900) /GPRS/EDGE
Camera : 2.0 megapixel CMOS
Video recording, Video playback
Ringtones: Polyphonic, MP3/WMA/WAV/AAC/AMR
Built-in FM radio
Messages: SMS, Email, Instant message
dual language (English/Chinese) support; innovative trackpoint and wheel
Windows Media Player 10 Mobile
Built-in Office Mobile and ClearVue Document Viewer (PDF)
Direct Pushmail
Photo CallerID
Phonebook
Support Java MIDP 2.0

MP4

ใหม่ล่าสุด!! เครื่องเล่น MP4 รุ่น 428-9191FM จอจัมโบ้สุดๆ 2.8 นิ้ว จอกระจกใส หรูหรา มีลำโพงในตัวฟังก์ชั่นครบ เพิ่มเมมได้ด้วย แบบ TF CARD Theme หน้าจอใหม่ล่าสุด บอดี้อะลูมิเนียมเพิ่มเกมส์ในเครื่องได้อีก จอแสดงภาพให้ความชัดทุกเม็ดสี software เครื่องรุ่นล่าสุด เมนูภาษาไทย...



ความจุ (Memory)

ทันสมัยที่สุดด้วยแบตเตอรี่ แบบ Re-Charge สะดวกและประหยัดที่สุด

สามารถใช้อ่านหนังสือ E-Book ได้จากในเครื่องโดยตรง

ปรับตั้งระดับเสียง มากถึง 40 ระดับ
คุณสมบัติทั่วไป

สนุกสนานกับการรับชมภาพยนตร์, มิวสิค VDO ได้ทุกๆที่

แบตตารี่ในตัว

เพิ่มความจ ุ(Memory) ได้เองตามความต้องการ แบบ TF CARD

โปรแกรมเครื่องและธีมหน้าจอแบบ (Theme) รุ่นใหม่ล่าสุด ดูสว่าง และ สวยงามกว่าเดิม

สามารถอัดเสียงจากรายการวิทยุที่ต้องการได้เลย ขณะเปิดฟังวิทยุ (FM)

อ่าน E-book ได้สบายกับ จอที่ใหญ่ถึง 2.8 นิ้ว

มีอัลบั้มรูปส่วนตัว สามารถ download รูปภาพมาเก็บไว้ได้

หน้าจอมีระบบป้องกันรอยขีดข่วน (screen server)

นวัตกรรมใหม่ล่าสุดของโลก จอใหญ่คมชัดแบบ TFT 260,000 สี แบบจอ Plasma ซัมซุง

ดูหนังแบบเต็มจอแนวนอน


กราฟฟิกเมนูสวย ตอนเล่น MP3 มีรายละเอียดของเพลงบอก

ดูหนัง และ มิวสิค VDO ได้อย่างยอดเยี่ยม มีโปรแกรมแปลงไฟล์ให้

ใช้เก็บข้อมูล ไฟล์งานเอกสาร (เหมือนHandy Drive)

แสดงผลเมนูในรูปแบบของภาพแอนนิเมชั่นเคลื่อนไหวสวยเท่ห์


โหลดเกมส์เพิ่มเติมมาเล่นบนเครื่องได้


บอดี้ แข็งแรงทนทาน สวยงาม


เมนูภาษาไทย / สื่อบันทึกข้อมูล


ลำโพงออกเสียงดังแบบ Build-in ด้านหลังเครื่อง หรือจะฟังเสียงกับหูฟังก็ได้



ไฟล์ที่สามารถเล่นได้ ได้แก่ AMV / Mp3 / JPG / BMP / TXT


มีหลากหลาย EQ ปรับโทนเสียงได้แบบ POP, ROCK, JAZZ และอื่นๆได้


Lyric (Karaoke) สามารถแสดงคำร้องขณะเล่นเพลง โดยใช้ไฟล์ .lrc


เล่นซ้ำได้หลายแบบ เล่นเฉพาะช่วงที่โปรด (Repeat mode)


เล่นซ้ำได้หลายแบบ (เหมือนWinAmP)


FM Tuner : Built In, Radio / Auto Scan / Store / Erase


ตั้งความถี่ของ FM ได้ตั้งแต่ 87 - 108 mhz. ตั้งสถานีวิทยุล่วงหน้าได้ 20 สถานี


วิทยุสแกนหาคลื่นอัตโนมัติหรือ Seek ด้วยตัวเอง


รับคลื่นวิทยุต่างประเทศได้ สำหรับผู้ที่อยู่ต่างประเทศ


ตั้งเวลาปิดเครื่องได้


กำหนดจุดเล่นเพลงซ้ำเฉพาะท่อนได้ เหมาะสำหรับนักดนตรีที่ต้องการแกะโน้ตเพลง



สามารถบันทึกเสียงได้นาน มีไมค์ในตัว


สามารถชาร์จได้ทั้งไฟบ้านและคอมพิวเตอร์ผ่าน USB Port


Windows 2000/ME/XP ไม่ต้องใช้Driver (Plug AnD Play)


Support File MP3, WMA, WAV,AMV,JPG,BMP,TXT


เมนูภาษาไทย รองรับภาษาไทย ชื่อเพลงเป็นภาษาไทย


ระบบนำร่อง เพื่อเรียกไฟล์ใน Flash Memory และ MINI Card ได้สะดวกกว่าเดิม


ตั้งเวลาปิดได้ Sleep Mode


ปรับตั้งระดับเสียง มากถึง 40 ระดับ


สามารถปรับ contrast หน้าจอได้


โอนถ่ายข้อมูลความเร็วสูงด้วย USB2.0 แบบ High Speed

1. รองรับไฟล์วีดีโอ
2. หน้าจอสี TFT ขนาด 2.0” ความละเอียด 260 K
3. รองรับไฟล์เพลง นามสกุล MP3, WMA, FLAC
4. ตัวเครื่องสวยงาม วัสดุพิเศษ ไม่เป็นรอยง่าย
5. รองรับการใช้งาน วิทยุ FM และสามารถอัดเสียงจากคลื่นวิทยุได้
6. รองรับการตั้งค่า EQ หลายแบบ: Normal, Classic, 3D, Rock, POP, Bass, Jazz
7. เก็บและดูภาพดิจิตอล รองรับไฟล์ JPG, BMP, GIF8. รองรับไฟล์เนื้อเพลง9. อ่านไฟล์แบบ E-BOOK
ได้ หรือเรียกว่า หนังสืออิเล็คโทรนิกส์ โดยผ่านไฟล์ที่มีนามสกุล .txt10. รองรับ USB 2.0 แบบเร็ว สามารถ
ส่งผ่านข้อมูลได้รวดเร็ว
นายวิเชฐ ตันติวานิช รองผู้จัดการ สายงานผู้ออกหลักทรัพย์และบริษัทจดทะเบียน ตลาดหลักทรัพย์แห่ง
ประเทศไทย เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้รับ บมจ. สตาร์ส ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) เข้าเป็น
บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยนับเป็นบริษัทแรกที่จะได้รับสิทธิประโยชน์การยก
เว้นภาษีนิติบุคคลโดยไม่จำกัดวงเงิน ตั้งแต่ปี 2552 จนสิ้นสุดระยะเวลาโครงการที่ได้รับการส่งเสริมการลง
ทุน ตามมาตรการความร่วมมือระหว่างตลาดหลักทรัพย์ฯ และสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บี
โอไอ) ในการสนับสนุนให้ผู้ประกอบการที่ขอรับการส่งเสริมการลงทุนเข้าจดทะเบียน โดย บมจ. สตาร์ส
ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จะซื้อขาย ในหมวดชิ้นส่วน
อิเล็กทรอนิกส์ กลุ่มเทคโนโลยี ตั้งแต่วันที่ 24 กันยายน 2552 ชื่อย่อว่า
“SMT” “การได้รับสิทธิประโยชน์ยกเว้นภาษีนิติบุคคลจากมาตรการ
นี้ นับว่าเอื้อประโยชน์ต่อการเพิ่มศักยภาพของบริษัทให้มีโอกาสสร้างผล
กำไรได้มากขึ้น สำหรับบริษัทที่ต้องการเข้าร่วมโครงการฯ สามารถยื่นขอรับสิทธิประโยชน์ตามมาตรการนี้
ต่อบีโอไอ ภายในปี 2555 โดยไม่จำกัดจำนวนโครงการ ” นายวิเชฐกล่าว SMT เป็นผู้ผลิตและ
ประกอบชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ระดับโลกของคนไทย โดยมีฐานการตลาดทั้งภายในประเทศ และต่าง
ประเทศ คือ อเมริกา และยุโรป ด้วยความสามารถด้านการผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ อาทิ แผงวงจร
อิเล็กทรอนิกส์ควบคุมการทำงานของฮาร์ดดิสก์คอมพิวเตอร์ Notebook และเครื่องเล่น MP4 เป็นต้น ด้วย
เทคโนโลยีของเครื่องมือที่ล้ำสมัยและแม่นยำสูงตามมาตรฐานระดับโลก รวมถึงความสามารถในการลดต้น
ทุนการผลิต จากการได้รับสิทธิยกเว้นด้านภาษีการนำเข้าและส่งออกของสินค้า วัตถุดิบและอุปกรณ์เครื่อง
มือที่รัฐบาลไทยสนับสนุน จึงได้รับความสนใจและเชื่อถือจากกลุ่มลูกค้า ส่งผลให้สามารถขยายตลาดไปยัง
ฝั่งอเมริกาและยุโรปได้อย่างต่อเนื่อง SMT มีทุนจดทะเบียนชำระแล้ว 736 ล้านบาท ประกอบด้วยหุ้น
สามัญเดิม 276 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเพิ่มทุน 92 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 2 บาท โดยบริษัทได้เสนอ
ขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนครั้งแรก จำนวน 92 ล้านหุ้น หรือร้อยละ 25 ของทุนจดทะเบียน ในราคา
หุ้นละ 4.95 บาท มูลค่ารวม 455.40 ล้านบาท เมื่อวันที่ 16-18 กันยายน 2552 ที่ผ่านมา เพื่อนำเงินไปใช้
ชำระคืนเงินกู้ยืมสถาบันการเงินทั้งหมด โดยมีบริษัทหลักทรัพย์ทิสโก้ จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงินและผู้
จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย SMT มีนโยบาย
จ่ายเงินปันผลในอัตราไม่ต่ำกว่าร้อย
ละ 40 ของกำไรสุทธิหลังหักภาษีและสำรองตามกฎหมาย และคณะ
กรรมการบริษัทฯ ได้อนุมัติในหลักการ ให้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจาก
ผลประกอบการงวดครึ่งปีแรกปี 2552 ในอัตราหุ้นละ 0.14 บาท แก่ผู้ถือหุ้น
หลังเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ แล้ว ผู้ถือหุ้นใหญ่ของ SMT
หลังไอพีโอ ได้แก่ กลุ่มนายสมนึก ไชยกุล ถือหุ้นรวมกันร้อยละ 42.55
กลุ่มนายพิทักษ์ ศิริวันสาณฑ์ ถือหุ้นร้อยละ 6.68 และ บ. อิโตซู คอร์ปอเร
ชั่น ถือหุ้นร้อยะละ 5.23

เครื่องเล่น MP3

MP3 (เอ็มพีสาม หรือ เอ็มพีทรี) เป็นวิธีการเข้ารหัสสัญญาณเสียงดิจิตัลที่เป็นที่นิยมแบบหนึ่ง ใช้วิธีการบีบอัดข้อมูลแบบมีการสูญเสียข้อมูลบางส่วนบางส่วน หรือ lossy ออกแบบมาเพื่อใช้ลดปริมาณข้อมูลเสียงให้เหลือเพียงเล็กน้อย (ส่วนมากจะได้ที่อัตรา 10 ต่อ 1) แต่ข้อมูลที่ลดลงมานี้ก็ยังให้คุณภาพเสียงที่ดีใกล้เคียงกับสัญญาณเสียงต้นฉบับโดยทดสอบกับผู้ฟังส่วนใหญ่ ในการใช้งานส่วนใหญ่คำว่า MP3 จะเป็นกล่าวอ้างถึงแฟ้มที่ใช้เก็บเสียงหรือดนตรีในรูปแบบ MP3 บนเครื่องคอมพิวเตอร์ หรือเครื่องเล่น MP3
คำว่า MP3 ได้มาจากคำว่า "
MPEG-1 Audio Layer 3" หรือในคำที่เป็นทางการว่า "ISO/IEC 11172-3 Layer 3" อย่างไรก็ตามแฟ้มนามสกุล ".mp3" บางแฟ้มก็ใช้การเข้ารหัสแบบใหม่ที่มีชื่อว่า "MPEG-2 Audio Layer 3" หรือ "ISO/IEC 13818-3 Layer 3"
MP3 เป็นรูปแบบการบีบอัดข้อมูลแบบมีการสูญเสียข้อมูลบางส่วน ใช้แทนข้อมูลเสียงที่เข้ารหัสแบบ PCM ให้มีขนาดที่เล็กโดยตัดข้อมูลบางส่วนที่พิจารณาแล้วว่าระบบการได้ยินของมนุษย์เกือบจะไม่สามารถรับฟังได้ (แนวคิดนี้คล้ายกับการบีบอัดข้อมูลภาพแบบ JPEG) วิธีการต่างๆที่ช่วยให้สามารถตัดข้อมูลบางส่วนออกไปได้ได้ถูกนำมาใช้กับ MP3 รวมทั้ง psychoacoustics ข้อมูลเสียงแบบ MP3 สามารถบีบอัดให้มีขนาดที่แตกต่าง หรือมี อัตราบิท ที่หลากหลายขึ้นกับขนาดของข้อมูลและคุณภาพเสียง
เป็นรูปแบบแฟ้มที่เป็นการบีบอัดข้อมูลแบบมีการสูญเสียข้อมูลบางส่วนออกมา เพื่อให้ปริมาณข้อมูลลดลง แต่ยังคงคุณภาพใกล้เคียงกับสัญญาณเสียงเดิม อาจมีการเปลี่ยนแปลงบ้าง แต่เป็นเพียงเล็กน้อย และในการเข้ารหัสแบบ MP3 เป็นการเข้ารหัสของเพลงเป็นส่วนใหญ่ เพื่อให้สามารถใช้เนื้อที่ได้มากขึ้น และสามารถรวบรวมแฟ้มเพลงหลายๆแฟ้มมารวมอยู่ในรูปของ MP3 ทำให้ไม่สิ้นเปลืองเนื้อที่ในการจัดเก็บข้อมูล
[
แก้] ข้อดีของการเก็บแฟ้มในรูปแบบ MP3
เนื่องจากแฟ้ม MP3 เป็นแฟ้มที่มีขนาดเล็ก ดังนั้นจึงใช้พื้นที่ในการเก็บน้อย
โปรแกรมที่ใช้เล่นแฟ้ม MP3 ก็เช่น โปรแกรม
Windows Media Player และโปรแกรมนี้ก็จะมีมากับเครื่องคอมพิวเตอร์อยู่แล้ว ไม่ต้องไปหา Download ใหม่ (แต่ต้องเป็น windows 98 ขึ้นไป) รวมไปถึง Winamp ซึ่งหา download ได้ทั่วไป









นับเวลาได้ 1 ปีมาแล้วที่เครื่องเล่น MP3 แบบพกพารุ่นแรกได้ปรากฏโฉมออกสู่ตลาด จนถึงปัจจุบันนี้ได้มีการผลิตเครื่องเล่น MP3 ออกมามากมายให้ผู้ที่ชื่นชอบการฟังเพลงได้เลือกใช้กัน จากความหลากหลายของเครื่องเล่น MP3 นี้เอง ได้สร้างความหนักใจให้กับคุณๆ ผู้ใฝ่หาความบันเทิงจาก MP3 ว่าจะตัดสินใจเลือกซื้อรุ่นใดหรือยี่ห้อใดจึงจะดีและเหมาะสมที่สุด เราได้รวบรวมเครื่องเล่น MP3 จำนวน 7 รุ่นเพื่อทดสอบการทำงาน พบว่าเครื่องเล่น MP3 ทุกเครื่องที่เราทดสอบแทบจะไม่มีความแตกต่างกันเลยในเรื่องคุณภาพของเสียง แต่จะแตกต่างกันในส่วนของความจุในการเก็บข้อมูล การรองรับมีเดียภายนอก และรูปแบบการเชื่อมต่อเพื่อถ่ายโอนไฟล์เพลงสุดโปรดจากเครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณลงสู่เครื่องเล่น MP3 รวมไปถึงความยากง่ายในการใช้งาน พร้อมด้วยคุณสมบัติพิเศษอาทิ สามารถบันทึกเสียงหรือใช้เป็นวิทยุได้ คุณภาพของหน้าจอแสดงผล LCD และการดีไซน์รูปลักษณ์ภายนอกของตัวเครื่อง เป็นสิ่งที่ต้องพิจารณาด้วยเช่นกันครื่องเล่น MP3 ทั้ง 7 รุ่นนั้น มีอยู่ 5 รุ่นที่ใช้การเชื่อมต่อแบบพอร์ตขนานหรือต่อกับพอร์ตพรินเตอร์นั่นเอง ซึ่งการโหลดข้อมูลเข้าตัวเครื่องจะช้ากว่าเมื่อเทียบกับรุ่นที่มีการเชื่อมต่อแบบพอร์ต USB อีก 2 รุ่นคือ รุ่น Diamond Rio500 และรุ่น HanGo Personal Jukebox สำหรับมีเดียในการเก็บข้อมูล ส่วนใหญ่มักจะเลือกใช้แบบ SmartMedia หรือไม่ก็แบบ CompactFlash ซึ่งแบบ SmartMedia จะเป็นการ์ดที่มีขนาดเล็กกว่า แต่แบบ CompactFlash จะสามารถจุข้อมูลได้ถึงสองเท่าหรือมากกว่า Smart Media ที่มีความจุสูงที่สุด จากการทดสอบของเรา เราได้เลือกเอาเครื่องเล่น MP3 รุ่น Rio 500 เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด เนื่องจากเรื่องของความจุในการเก็บข้อมูลที่มีทั้งหน่วยความจำภายในและรองรับมีเดียภายนอกได้ มีการเชื่อมต่อแบบพอร์ต USB ที่รวดเร็ว ส่วนอีกรุ่นหนึ่งที่มีคุณสมบัติเป็นเลิศเช่นกันคือ Sensory Science raveMP2100 รุ่นนี้เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับคุณผู้ใช้ที่มีเครื่องคอมพิวเตอร์แบบเก่าที่ยังใช้พอร์ตแบบขนานอยู่
ความหมายของสัญลักษณ์ Audiovox MPDj MP-1000
มีหน่วยความจำในตัว 32 เมกะไบต์ ใช้อุปกรณ์เก็บข้อมูลแบบ SmartMedia และใช้หน้าจอ LCD ที่คมชัด อ่านได้ง่าย แต่เรามองเห็นความไม่สมบูรณ์ในการออกแบบของ MP-1000 ตัวเครื่องสร้างขึ้นอย่างไม่มีคุณภาพ (เพราะเราได้เห็นรอยแตกของตัวเครื่องเมื่อใช้งานได้เพียง 2 วัน) ฝาที่ใช้ปิดช่องเสียบการ์ดหน่วยความจำปิดไม่สนิท เลื่อนหลุดได้ง่าย และปุ่มที่ใช้งานก็อยู่ในตำแหน่งที่ทำให้ MP-1000 ใช้งานได้ยุ่งยากกว่าเครื่องเล่น MP3 รุ่นอื่นๆ น่าแปลกที่ MP-1000 มีไมโครโฟนเป็นอุปกรณ์เสริมรวมอยู่ด้วยทั้งๆ ไม่มีฟีเจอร์ในการบันทึกเสียงมาด้วย ส่วนซอฟต์แวร์ที่มีมาให้นั้นใช้งานง่าย และหน้าจอ LCD ก็แสดงรายละเอียดเกี่ยวกับเพลงที่เล่นอยู่ได้ดีพอสมควร

เปิดตัวออกมาเป็นรุ่นที่ 2 ของ Diamond Rio ด้วยคุณสมบัติพิเศษต่างๆ ที่รวบรวมไว้ด้วยกันภายใต้รูปลักษณ์ที่ทันสมัยสวยงาม Diamond Rio 500 ได้รับเลือกให้เป็นที่ 1 จากการทดสอบของเรา (นอกจากนี้ยังได้รับรางวัล "Technical Excellence award" จากนิตยสาร PC Magazine เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2542 อีกด้วย) การควบคุมหรือการใช้งานบนตัวเครื่องเข้าใจได้ง่าย หน้าจอ LCD มีขนาดที่ใหญ่พอสมควรและมีแสงไฟเมื่ออยู่ในที่มืด Rio 500 มีหน่วยความจำในตัว 64 เมกะไบต์ เช่นเดียวกับรุ่น Sensory Science raveMP และมีสล็อตหรือช่องสำหรับเสียบการ์ดหน่วยความจำภายนอกชนิด SmartMedia เพื่อเพิ่มความจุของข้อมูลให้กับตัวเครื่องได้อีก เครื่องใช้การต่อเชื่อมแบบพอร์ต USB ในการถ่ายโอนไฟล์เพลงจากเครื่องคอมพิวเตอร์ไปยังเครื่องเล่น MP3 สำหรับซอฟต์แวร์ของ Rio 500 ชื่อว่า RioPort Audio Manager สามารถแสดงส่วนของอินเทอร์เฟซได้อย่างครบถ้วน แต่ใช้งานค่อนข้างยุ่งยาก
HanGo Personal Jukeboxมีฮาร์ดดิสก์ในตัวขนาด 4.86 กิกะไบต์ ซึ่งสามารถบรรจุเพลงได้มากทีเดียว รวมทั้งสามารถเล่นเพลงต่อเนื่องได้ยาวนานถึง 80 ชั่วโมง มีความเร็วในการเข้ารหัส 128 กิโลบิตต่อวินาที มีการเชื่อมต่อแบบพอร์ต USB เช่นเดียวกับ Diamond Rio 500 เนื่องจาก Personal Jukebox มีการติดตั้งฮาร์ดดิสก์ภายในตัว จึงต้องการแบตเตอรี่ที่เป็นลิเทียมไอออนชนิดชาร์จได้และสามารถต่อกับไฟฟ้าที่ใช้ภายในบ้านได้ เราชอบใจปุ่มควบคุมการทำงานที่แต่ละปุ่มจะแยกการทำงานเฉพาะส่วนทำให้ใช้งานได้ง่ายและจัดวางไว้อย่างเหมาะสม
มีจุดเด่นตรงที่มีการติดตั้ง FM-Tuner สามารถใช้เป็นวิทยุได้ แต่การออกแบบตัวเครื่องมีหน้าจอ LCD ขนาดเล็กสักหน่อย ทำให้อ่านข้อความไม่สะดวกและไม่สามารถแสดงรายชื่อเพลงที่กำลังเล่นอยู่ได้ I-Jam ใช้ SanDisk MultiMediaCard เป็นตัวเก็บข้อมูล ซึ่งมีอยู่ 2 การ์ด แต่ละการ์ดมีความจุ 16 เมกะไบต์ เล่นเพลงต่อเนื่องได้นาน 24 นาที อัตราการเข้ารหัส 96 กิโลบิตต่อวินาที และสามารถใช้งานได้ทีละการ์ดเท่านั้น อีกทั้งยังมี External MultiMediaCard Reader ทำให้สามารถลากไฟล์ที่ต้องการมาใส่ลงในหน่วยความจำได้เลยซึ่งเพิ่มความสะดวกและง่ายดายยิ่งขึ้น ปุ่มควบคุมของ I-Jam ใช้งานไม่ค่อยสะดวกนัก คำอธิบายการใช้งานยังไม่ดีพอ และปุ่มเดียวต้องควบคุมการทำงานหลายอย่างทำให้ใช้งานได้ยาก เช่น ปุ่ม Forward และปุ่ม Rewind ยังใช้ในการควบคุมระดับเสียงอีกด้วย

กล้องถ่ายรูป

กล่องถ่ายรูป
นับตั้งแต่ที่มีการคิดค้นการถ่ายภาพจนปรากฏภาพถ่ายแรกของโลกที่เรารู้จักและมีหลักฐานมาถึงวันนี้ในปี ค.ศ. 1825 หรือเกือบ 200 ปีมาแล้ว กล้องถ่ายภาพมี วิวัฒนาการเปลี่ยนแปลงมาอย่างช้าๆ
เริ่มจากกล้องสำหรับผู้ใช้ทั่วๆไปตัวแรกของโลก คือ Daguerrotype ในปี ค.ศ. 1839 จำหน่ายในราคาประมาณ 50 ดอลล่าร์สหรัฐ
กระทั่งปี 1900 หรือประมาณหนึ่งร้อยปีที่ผ่านมา โกดักก็เปิดตัวกล้องถ่ายภาพรุ่น Brownie สามารถโหลดฟิล์มได้ และมีช่องมองภาพเป็นอุปกรณ์เสริมใส่ไว้ทางด้านบน ราคากล้องรุ่นนี้เพียง 1 ดอลล่าร์สหรัฐได้รับความนิยมอย่างมาก แต่ก็เป็นกล้องที่หายากมากในปัจจุบันการ
ถ่ายภาพระบบดิจิตอลถือกำเนิดขึ้นเมื่อมีการคิดค้น CCD สำหรับใช้บันทึกในกล้องวิดีโอเมื่อปี ค.ศ. 1970 ถัดมาอีกเพียงปีเดียวก็มีการส่งข้อความทาง อีเมล์เป็นครั้งแรกของโลก โดย Ray Tomlinsn
ในปี 1974 ก็มีการใช้เทคโนโลยี CCD ร่วมกับกล้องเทเลสโคบขนาด 8 นิ้ว บันทึกภาพดวงจันทร์ด้วยระบบดิจิตอลเป็นภาพแรกที่ความละเอียด 100 x 100 พิกเซล
ปี 1976 Canon ได้ประดิษฐ์กล้องถ่ายภาพ 35 มม. SLR ตัวแรกของโลกที่มีไมโครโปรเซสเซอร์รุ่น AE-1 สำหรับการประมวลผลและควบคุมการทำงาน ถือเป็นจุดเริ่มต้นของกล้องระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่สมบูรณ์แบบในวันนี้ อีกห้าปีต่อมา Pentax ก็ผลิตกล้องรุ่น ME-F ที่ใช้เลนส์ออโต้โฟกัสในกล้อง SLR เป็นตัวแรกของโลก
ปี 1981 Sony เปิดตัวกล้องถ่ายภาพที่ถอดเปลี่ยนเลนส์ได้ ถ่ายภาพแบบอิเล็กทรอนิกส์ไม่ต้องใช้ฟิล์ม แต่ยังไม่ใช่กล้องดิจิตอล เป็นเพียงกล้องโทรทัศน์หรือกล้องภาพนิ่งวิดีโอ จัดเก็บภาพด้วยแผ่นฟล็อปปี้ดิสก์ขนาด 2 นิ้ว ใช้ชื่อว่า Sony Mavica (Megnetic Video Camera) บันทึกด้วย CCD ให้ภาพที่มีความละเอียด 570 x 490 พิกเซล (ขนาดของชิพคือ 10 x 12 มม.) ความไวแสงเทียบเท่า ISO 200 ปี
1984 Canon ได้ทดลองใช้กล้องภาพนิ่งวิดีโอระดับมืออาชีพเป็นครั้งแรกในโอลิมปิกที่ลอสแองเจอลิส หลังจากบันทึกภาพแล้วมีการส่งภาพกลับไปที่ประเทศญี่ปุ่นผ่านทางสายโทรศัพท์ในเวลาที่ต่ำกว่า 30 วินาที จากนั้นก็พิมพ์เป็นภาพข่าวในหนังสือพิมพ์ Yomiuri ซึ่งพิมพ์ออกจำหน่ายในขณะที่การแข่งขันยังไม่เสร็จสิ้น สร้างความฮือฮาได้เป็นอย่างมาก
ปี 1986 หรืออีกสองปีต่อมา Canon ก็ผลิตกล้องภาพนิ่งวิดีโอออกจำหน่ายให้กับนักถ่ายภาพมืออาชีพเป็นครั้งแรก ในรุ่น RC-701 โดยมีกลุ่มเป้าหมายอยู่ที่ช่างภาพข่าวเป็นหลัก ช่วยให้การทำงานรวดเร็วขึ้น โดยชื่อรุ่น RC มาจากคำว่า Realtime Camera หรือกล้องที่ได้ภาพทันทีนั่นเอง มีเลนส์ซูมขนาด 11-66 มม. f/1.2 ราคา 3,000 ดอลล่าร์สหรัฐ แต่ถ้ารวมอุปกรณ์รับส่งภาพทางสายโทรศัพท์ครบชุดจะมีราคา 27,000 ดอลล่าร์สหรัฐ ขนาดของ CCD คือ 6.6 x 8.8 มม. ความละเอียด 187,200 พิกเซล ถ่ายภาพต่อเนื่องได้เร็ว 1-10 เฟรม/วินาที ถอดเปลี่ยนเลนส์ได้และกล้องรุ่นนี้ได้ถูกช่างภาพข่าว Tom Dillon ของหนังสือพิมพ์ USA Today ถ่ายภาพและตีพิมพ์เป็นภาพข่าวสีภาพแรกที่บันทึกด้วยกล้้องภาพนิ่งวิดีโอ โดยบรรณาธิการภาพข่าวได้เห็นภาพดังกล่าวหลังจากที่ช่างภาพบันทึกไปแล้วในเวลาเพียง 12 นาทีเท่านั้น ทางสมาคมนักข่าวของอเมริกาเล็งเห็นประโยชน์ของภาพดิจิตอลกับงานข่าวจึงวางแผนที่จะเปลี่ยนการส่งภาพข่าวจากระบบอะนาล็อกมาเป็นดิจิตอลเพราะช่วยประหยัดเวลาในการส่งภาพได้ถึง 90% ทีเดียว
ปี 1987 Minolta ได้สร้างปรากฏการณ์ใหม่ด้วยการออกแบบดิจิตอลแบคสำหรับใช้กับกล้องรุ่น 7000 และ 9000 ซึ่งเป็นกล้องใช้ฟิล์ม โดยใช้ CCD รับภาพขนาด 2/3 นิ้ว ความละเอียด 640 x 480 พิกเซลในชื่อรุ่น Minolta SB-70S และSB-90S
นับจากนั้นเป็นต้นมาผู้ผลิตกล้องถ่ายภาพและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างให้ความสนใจและผลิตกล้องถ่ายภาพนิ่งวิดีโออย่างต่อเนื่อง เช่น โอลิมปัสผลิตกล้องรุ่น V-100 ในปี 1987 ใช้ CCD ขนาด 1/2 นิ้ว ความละเอียด 360 K เลนส์ซูม 9-27 มม. f/2.8 ความไวแสง ISO 100 ปี 1988 Fujifilm ผลิตกล้องภาพนิ่งวิดีโอ รุ่น DS-1P ที่จัดเก็บภาพด้วยการ์ดดิจิตอลแทนที่แผ่นฟล็อปปี้ดิสก์เป็นครั้งแรกด้วย CCD ความละเอียด 400K เลนส์ 16 มม. f/5.6ต่อมาภาพอิเล็กทรอนิกส์เริ่มมีความละเอียดที่สูงขึ้น จึงมีการกำหนดมาตรฐานของไฟล์ภาพเพื่อให้มีขนาดที่เล็กลง ใช้เนื้อที่การจัดเก็บน้อยและส่งภาพได้รวดเร็วขึ้น โดย Joint Photographic Expert Group มีชื่อย่อว่า JPEG กำหนดมาตรฐานนี้ในปี 1988
ปี 1991 NiKon ผลิตกล้องภาพนิ่งวิดีโอแบบ SLR เป็นครั้งแรกในจำนวน 100 ชุด ใช้เซ็นเซอร์ CCD ขนาด2/3 นิ้ว ความละเอียด 380 K ความไวแสง ISO 400-1600 เลนส์ซูม 10-40 มม. f/1.4 หรือเลนส์เม้าท์ F ร่วมกับอะแดปเตอร์ บันทึกภาพแบบโมโนโครมหรือขาวดำ ราคา 20,300 US
ปี 1990 Logitech FotoMan ได้ผลิตกล้องดิจิตอลเป็นตัวแรกของโลกในชื่อรุ่น Dycam Model 1 บันทึกภาพขาวดำได้ 32 ภาพ เก็บไว้ในหน่วยความจำขนาด 1 MB ที่อยู่ในตัวกล้อง ด้วยเซ็นเซอร์ภาพ CCD ขนาด 1/3 นิ้ว ให้ขนาดภาพ 376 x 240 พิกเซล เลือกฟอร์แมทภาพได้ 2 แบบ คือ TIFF หรือ PICT เลนส์ขนาด 8 มม. มีแฟลชในตัว สามารถเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์พีซีเพื่อโหลดภาพได้
ปี 1990 ในงาน Photokina โกดักได้เรียกความฮือฮาให้กับวงการถ่ายภาพอาชีพ ด้วยการเปิดตัวกล้องดิจิตอลรุ่น DCS-100 เป็นกล้อง SLR ที่นำเอา Nikon F3 มาดัดแปลงวางจำหน่ายในปี 1991 ด้วยราคา 30,000 ดอลล่าร์สหรัฐ กล้องรุ่นนี้ใช้เซ็นเซอร์ CCD ความละเอียด 1.3 ล้านพิกเซล ขนาดภาพใหญ่สุด 1024 x 1280 พิกเซล ซึ่งถือว่าสูงมากในยุคนั้น จุดเด่นของกล้องรุ่นนี้คือใช้คุณสมบัติของกล้อง F3 ซึ่งเป็นกล้อง SLR ระดับมืออาชีพ ความไวในการรับแสงเทียบเท่า ISO 100 ใช้เลนส์เม้าท์ Nikon ถอดเปลี่ยนเลนส์ได้ปรับโฟกัสแบบแมนนวล การใช้งานต้องต่อสายเคเบิลเข้ากับชุดอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ภายนอกที่มีหน่วยความจำขนาด 200 MB มีให้เลือก 2 รุ่นคือบันทึกภาพสีและขาวดำ ชุดอุปกรณ์ภายนอกมีปุ่มควบคุมการทำงานและจอมอนิเตอร์ขาวดำ ทำให้เห็นภาพได้ทันทีหลังจากถ่ายภาพไปแล้ว โดยซูมขยายภาพเพื่อดูรายละเอียดต่างๆได้ด้วย
ปี 1991 โกดัก เปิดตัวดิจิตอลแบคสำหรับกล้องขนาดกลาง Hasselblad เพื่องานถ่ายภาพในสตูดิโอแทนการใช้ฟิล์ม โดยใช้กับกล้องรุ่น 553 ELX ที่มีมอเตอร์ในตัวใช้เซ็นเซอร์ CCD ความละเอียดสูง ขนาดภาพที่ได้คือ 2048 x 2048 พิกเซล ความไวแสง ISO 300 ชัตเตอร์ 1-1/125 วินาที แสดงสีได้ 14 บิต/สี ใช้อินเทอร์เฟสแบบ SCSI 2 เชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์แมคอินทอชรุ่น Quadra
ปี 1992 โกดัก เปิดตัวกล้องดิจิตอล SLR ใหม่อีกครั้งใน Photokina โดยใช้บอดี้ Nikon F801s ที่เป็นกล้องระบบออโต้โฟกัส กล้องรุ่นนี้มีฮาร์ดไดรว์ที่ใช้จัดเก็บภาพในตัว ขนาดจึงดูใหญ่โตโดยมีฐานบอดี้ที่สูงขึ้นมาก มีให้เลือก 2 รุ่น คือ DCS 200C ถ่ายภาพสีและ DCS 200M ถ่ายภาพขาวดำ ความละเอียด 1.54 ล้านพิกเซล ใช้ได้กับเลนส์และแฟลชของ Nikon แต่ต้องคูณทางยาวโฟกัสเพิ่มเนื่องจาก CCD มีขนาดเล็กมาก หากใช้เลนส์ 28 มม. จะเทียบเท่ากับเลนส์ 80 มม.ของกล้อง 35 มม. ความไวแสง ISO 50-400 สำหรับภาพสีและ ISO 100-800 สำหรับกล้องขาวดำ
ปี 1994 Apple Computer ได้สร้างความตื่นตัวให้กับวงการถ่ายภาพด้วยการเปิดตัวกล้องดิจิตอลรุ่นแรกของโลกที่ออกแบบสำหรับผู้ใช้ทั่วๆไป ซึ่งเป็นตลาดที่ใหญ่กว่ากลุ่มผู้ใช้มืออาชีพมาก ใช้ชื่อรุ่นว่า Apple Quick Take 100 ราคาจำหน่ายเพียง 749 ดอลล่าร์สหรัฐ (เวลานั้นค่าเงินบาทไทยประมาณ 25บาท/ดอลล่าร์สหรัฐ) ใช้เซ็นเซอร์ CCD ความละเอียด 640 x 480 หรือประมาณสามแสนพิกเซล เปิดชมภาพจากคอมพิวเตอร์พีซีได้เต็มจอมอนิเตอร์พอดี เลนส์มีขนาดคงที่ 50 มม. มีแฟลชในตัวจัดเก็บภาพด้วยหน่วยความจำในตัวกล้อง
ปีเดียวกันโกดักก็เปิดตัวกล้องดิจิตอล SLR รุ่นใหม่ NC 2000 ใช้บอดี้ Nikon F90 ซึ่งเป็นกล้องออโต้โฟกัสระดับมืออาชีพ ออกแบบมาสำหรับนักข่าวโดยเฉพาะ ใช้ CCD ขนาดภาพ 1024 x 1280 พิกเซล ความไวแสงเทียบเท่า ISO 200-1600 ทำให้วงการหนังสือพิมพ์เริ่มเปลี่ยนมาใช้กล้องดิจิตอลกันขนานใหญ่ โดยจำหน่ายในราคา 16,950 ดอลล่าร์สหรัฐ ต่อมาก็เปลี่ยนไปใช้บอดี้ Nikon F90x ใช้ชื่อรุ่นว่า DCS 420
ค่ายฟูจิฟิล์มก็ร่วมมือกับนิคอนเปิดตัวกล้องดิจิตอล SLR เช่นกันในชื่อรุ่น Fuji DS-505 และ DS-515 ส่วน Nikon ใช้ชื่อรุ่น E2 และ E2S ใช้ CCD ขนาด 2/3 นิ้ว ขนาดภาพ 1280 x 1000 พิกเซล ความไวแสงสูงสุด ISO 800 และ 1600
ปี 1995 โกดักได้ปลุกกระแสทางด้านภาพดิจิตอลครั้งใหญ่ โดยการนำเอาเทคโนโลยีใหม่ของโกดักที่เรียกว่า โฟโต้ซีดี เพียงส่งฟิล์มเนกาตีฟสีหรือฟิล์มสไลด์สีไปสแกนลงแผ่นซีดีรอม ก็จะได้ภาพดิจิตอลสำหรับนำมาใช้งานทันที ซึ่งในปีเดียวกันนิตยสารชัตเตอร์ฯ ก็ได้ตีพิมพ์บทความเกี่ยวกับ โฟโต้ซีดี ด้วยการนำภาพจากฟิล์มสไลด์ไปทำเป็นโฟโต้ซีดีแล้วนำภาพมารีทัชซ้อนฉากหลังเข้าไป จากนั้นตีพิมพ์เป็นภาพหน้าปก
ปีเดียวกันโกดักร่วมมือกับแคนนอนเป็นครั้งแรกในการผลิตกล้องดิจิตอล SLR ในชื่อรุ่น EOS DCS 3 ใช้บอดี้ EOS-1N ซึ่งเป็นกล้องระดับมืออาชีพรุ่นสูงสุดของแคนนอนในยุคนั้น โดยใช้เซ็นเซอร์ภาพขนาด 16.4 x 20.5 มม. ความละเอียด 1.3 ล้านพิกเซล แสดงสีได้ 36 บิต (RGB) ขนาดภาพ 1268 x 1012 พิกเซล ความไวแสง ISO 200 - 1600 และอีกรุ่นคือ EOS DCS - 1 เป็นกล้องที่มีความละเอียดสูงมากถึง 6 ล้านพิกเซล ใช้ CCD ขนาด 18.4 x 27.6 มม. ขนาดภาพ 3,060 x 2,036 พิกเซล จัดเก็บภาพด้วยฮาร์ดดิสก์ชนิดถอดออกได้ ความจุ 340 MB บันทึกภาพความละเอียดสูงได้ 53 ภาพ
ปีเดียวกัน Casio ได้เปิดตัวกล้องดิจิตอลสำหรับผู้ใช้ทั่วๆไปที่มีจอมอนิเตอร์ในตัวเป็นรุ่นแรกของโลก จุดเด่นที่ไม่เหมือนใครคือส่วนของเลนส์ปรับพลิกหมุนได้ ใช้เซ็นเซอร์ CCD ขนาด 1/5 นิ้ว ความละเอียด 460 x 280 พิกเซล มีหน่วยความจำในตัวจัดเก็บภาพได้ 96 ภาพ มีช่องวิดีโอสำหรับเปิดชมภาพจากโทรทัศน์หรือเครื่องบันทึกวิดีโอเปิดชมภาพได้จากจอมอนิเตอร์ เลือกดูทีละภาพหรือภาพเล็ก 4/9 ภาพ
ทางด้านฟูจิฟิล์มก็เปิดตัวกล้องดิจิตอลรุ่น DS-220 ระบบออโต้โฟกัสมีเลนส์ซูมในตัวขนาด 36 x 72 มม. มีแฟลชในตัวใช้ CCD ขนาดภาพ 640 x 480 พิกเซล และมีอุปกรณ์เสริมเป็นจอมอนิเตอร์สำหรับดูภาพต่อเข้าทางด้านข้าง
สำหรับ Minolta ได้เปิดตัวกล้องดิจิตอล SLR ในรุ่น RD - 175 ใช้บอดี้จากกล้อง 35 มม. SLR รุ่น 500si เซ็นเซอร์ภาพ CCD ความละเอียด 380 K ขนาดภาพ 1528 x 1146 พิกเซล ใช้ได้กับเลนส์ และแฟลชของ Minolta
Ricoh ผู้ผลิตกล้องถ่ายภาพอีกรายได้ผลิตกล้องดิจิตอลที่สร้างความแปลกใหม่ ในรุ่น RDC-1 เป็นกล้องตัวแรกของโลกที่ถ่ายได้ทั้งภาพนิ่ง และภาพเคลื่อนไหวพร้อมเสียง มีจอมอนิเตอร์ LCD ขนาดใหญ่ถึง 2.5 นิ้ว จัดเก็บภาพ และเสียงด้วยพีซีการ์ดขนาด 24 MB
ปี 1996 นับเป็นปีที่มีกล้องดิจิตอลจากผู้ผลิตรายต่างๆ มากขึ้น อาทิ Agfa ePhoto 307 ความละเอียด 3 แสนพิกเซล Canon PowerShot 600 เซ็นเซอร์ CCD ขนาด 1/3 นิ้ว ความละเอียด 5 แสนพิกเซล Casio QV - 300 ความละเอียด 3 แสนพิกเซล Kodak DC 20 กล้องดิจิตอล ราคาประหยัด ความละเอียด 1.8 แสนพิกเซล มีหน่วยความจำในตัวขนาด 1 MB Fuji DS - 8 เซ็นเซอร์ 1/3 นิ้ว ความละเอียด 3 แสนพิกเซล
ส่วนกล้องคอมแพคความละเอียดสูงก็มี Kodak DC - 120 ความละเอียด 1.2 ล้านพิกเซล มีจอมอนิเตอร์ทางด้านหลัง เลนส์ซูมขนาด 38 - 114 มม. f/2.5 นอกจากนี้ Konica และ Kyocera ก็ได้เปิดตัวกล้องดิจิตอลของตัวเองเป็นครั้งแรกในปีนี้ โดยมีความละเอียด 3 แสนพิกเซล หรือ 640 x 480 พิกเซล เหมือนกล้องคอมแพคดิจิตอลทั่วๆไป
Nikon ก็สร้างความแปลกใหม่ด้วยการเปิดตัวกล้อง Coolpix 100 เซ็นเซอร์ 1/3 นิ้ว ใช้ CCD ที่ให้ขนาดภาพ 512 x 480 พิกเซล เลนส์ 52 มม. หลังจากถ่ายภาพแล้วนำกล้องไปเสียบเข้ากับคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ค ทางช่อง PCMCIA เพื่อโหลดภาพได้ทันที และมีรุ่น Coolpix 300 ความละเอียด 3 แสนพิกเซล มีจอมอนิเตอร์ทางด้านหลัง
ในปีเดียวกันนี้ Olympus ได้เปิดตัวกล้องดิจิตอลรุ่น D - 200 L ใช้ CCD ความละเอียด 3 แสนพิกเซล และรุ่นอื่นๆอีกหลายรุ่น รวมทั้งรุ่น 800 L ที่มีความละเอียด 8 แสนพิกเซล ซึ่งชัตเตอร์ฯก็ได้นำมาทดสอบและตีพิมพ์เป็นบทความในปีนี้
ส่วนกล้องความละเอียดระดับล้านพิกเซลก็มีของ Polaroid รุ่น PDC-2000
ปี 1997 เป็นปีที่มีกล้องดิจิตอลจากผู้ผลิตนับสิบยี่ห้อ ทั้งจาก Nikon, Canon, Minolta, Olympus, Kodak, Fujifilm, Casio, Epson, Konica, Kyocera, Panasonic, Ricoh, Samsung, Sanyo, Sony, Sharp, Toshiba, Vivitar และอื่นๆอีกมากมาย กล้องส่วนใหญ่ให้ขนาดภาพ 640 x 480 พิกเซล มีเพียงบางรุ่นที่เกิน 1 ล้าน พิกเซล เช่น Olympus Camedia C-1400L ความละเอียด 1.4 ล้านพิกเซล ออกแบบรูปทรงเป็นตัวแอล (L) คล้ายกับกล้อง SLR Kodak DC210 ความละเอียด 1 ล้านพิกเซล จัดเก็บภาพด้วยการ์ด Fuji DS-300 ความละเอียด 1.2 ล้านพิกเซล
ปี 1998 ในปีนี้กล้องดิจิตอลถูกผลิตขึ้นมากอีกกว่าหนึ่งเท่าตัว ส่วนใหญ่มีความละเอียด 1.2-1.5 ล้านพิกเซล โดยมีกล้องที่โดดเด่นคือดิจิตอล SLR ของโกดักรุ่น DCS 520 ใช้บอดี้ Canon ES1N ความละเอียด 2 ล้านพิกเซลจัดเก็บภาพด้วยฮาร์ดดิสก์ PCMCIA Type III 340 MB
ส่วนกล้องสำหรับผู้ใช้ทั่วไปก็มีของ Canon Pro 70 เป็นกล้องแบบ SLR ที่มีรูปทรงสวยงามทันสมัย เลนส์ซูม 28-70 มม. มีฮอทชูเสียบแฟลชภายนอก ความละเอียด 1.5 ล้านพิกเซล
ทางด้านโซนี่ก็เปิดตัว Mavica FD-71 ที่จัดเก็บภาพด้วยแผ่นฟล็อปปี้ดิสก์ ถ่ายภาพเสร็จนำแผ่นไปเปิดดูที่คอมพิวเตอร์ได้ทันที ความละเอียด 3 แสนพิกเซล และรุ่น FD-91 ความละเอียด 7 ล้านพิกเซล
ปี 1999 ตลาดกล้องดิจิตอลเติบโตขึ้นมาก ในแต่ละเดือนมีกล้องรุ่นใหม่ๆหลายสิบรุ่น ส่วนใหญ่มีความละเอียดที่ 2 ล้านพิกเซลเพียงพอกับการนำไปอัดขยายภาพขนาด 4 x 6 นิ้ว ให้คุณภาพดีพอสมควร แม้ว่าจะยังห่างไกลกับการใช้ฟิล์ม แต่ก็พอยอมรับได้ และ Olympus ก็เปิดตัวกล้องตระกูล C เป็นครั้งแรกในรุ่น C-2020
Minolta เปิดตัวกล้องดิจิตอล SLR ใช้เลนส์จากกล้อง APS ได้รุ่น RD3000 ความละเอียด 2.7 ล้านพิกเซล Canon ก็มีกล้องคอมแพคขนาดเล็กรูปทรงสวยงามมากในชื่อรุ่น Powershot S10 ความละเอียด 2.1 ล้านพิกเซล ค่าย Sony เปิดตัว DSC-F505 กล้องรูปทรงตัวแอล (L) บอดี้กับเลนส์ปรับพลิกหมุนได้ เรียกความสนใจได้มากทีเดียว และเน้นการจัดเก็บภาพด้วยการ์ดที่พัฒนาขึ้นมาเองเรียกว่า Memory Stick
ส่วน Nikon ก็เปิดตัวกล้องดิจิตอล SLR ระดับมืออาชีพที่มีประสิทธิภาพสูงอย่างน่าทึ่งรุ่น D1 ความละเอียด 2.7 ล้านพิกเซล ใช้พื้นฐานมาจากกล้องฟิล์มระดับโปรรุ่น F100 และ F5 ใช้ได้กับเลนส์ แฟลชและอุปกรณ์เสริมอื่นๆ ได้รับการตอบรับอย่างดีจากนักถ่ายภาพมืออาชีพทั่วโลก ซึ่งนิตยสารชัตเตอร์ฯก็ได้เลือกกล้องรุ่นนี้มาใช้งานในปลายปี 1999 และทดสอบตีพิมพ์ในนิตยสารชัตเตอร์ฯในเวลาต่อมา
ตั้งแต่ปี 2000 เป็นต้นมาถึงปัจจุบัน กล้องดิจิตอลมีการพัฒนาอย่างมาก ในแต่ละปีมีกล้องรุ่นใหม่ๆ จากหลายสิบยี่ห้อนับร้อยรุ่น ตั้งแต่กล้องคอมแพคตัวเล็กๆ จนถึงกล้องรุ่นใหญ่สำหรับมืออาชีพ ความละเอียดเพิ่มมากขึ้นจาก 2, 3, 4 เป็น 5 ล้านพิกเซล กล้องคอมแพคบางรุ่นในวันนี้เช่น Sony DSC-F828 มีความละเอียดสูงถึง 8 ล้านพิกเซล ส่วนดิจิตอล SLR ก็ขึ้นไปถึง 14 ล้านพิกเซลใน Kodak DSC-Pro14nกล้องรูปทรงแปลกๆ ใหม่ๆ ถูกผลิตออกมามากมาย บางรุ่นบางเฉียบเหมือนบัตรเครดิต บางรุ่นหน้าตาแทบไม่ต่างกับกล้องใช้ฟิล์ม แต่ที่น่าสนใจมากคือในขณะท่ีคุณภาพดีมากขึ้น ราคากลับลดลงอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะกล้องดิจิตอล SLR ระดับ 6 ล้านพิกเซล จากราคานับล้านบาทเมื่อสี่ปีก่อน เหลือไม่ถึงห้าหมื่นบาทในปีนี้ รวมไปถึงอุปกรณ์ทีเกี่ยวข้องเช่น การ์ด CF 128 MB ที่มีราคาประมาณ 20,000 บาท ในปี 2000 ถึงปีนี้ลดเหลือเพียงพันกว่าบาทเท่านั้น ส่งผลให้ตลาดกล้องดิจิตอลมีการเติบโตแบบก้าวกระโดด จากเดิมในปี 1996 มียอดขายกล้องดิจิตอลทั่วโลก ประมาณ 1 ล้านตัว แต่ในปี 2002 ที่ผ่านมา มียอดขายมากกว่า 30 ล้านตัว ส่วนในเมืองไทยของเราก็มียอดขายนับแสนตัวและมีแนวโน้มที่จะเพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นกัน

CANON EOS 500D Kit ใหม่ล่าสุดกล้องดิจิตอล Canon EOS 500D เป็นกล้องดิจิตอลที่มีความละเอียดถึง 15.1 ล้านพิกเซล ทำให้ถ่ายภาพที่มีขนาดตั้งแต่ 2353x1568 พิกเซลไปจนถึง 4752x3168 พิกเซล คุณจึงสามารถพิมพ์ภาพถ่ายที่ประทับใจของคุณได้อย่างคมชัดมากที่สุด กล้องดิจิตอล Canon 500D มาพร้อมกับเลนส์กล้องขนาด สามารถซูมเลนส์ระยะไกลได้สูงสุดถึง -1 เท่า ช่วยให้คุณไม่พลาดการจับภาพทุกช่วงเวลา ส่วนในเรื่องของการถ่ายภาพ Canon 500D มีโหมดการวัดแสงต่างๆ ให้เลือกใช้มากมายสำหรับแต่ละสถานการณ์ เช่น Centre weighted, Evaluative 35-zone SPC, Spot เป็นต้น และยังปรับสมดุลแสงสีขาวได้หลายรูปแบบ เช่น Auto, Cloudy, Custom, Daylight, Flash, Shade, Tungsten เป็นต้น สำหรับส่วนประกอบต่างๆ ภายนอกของ Canon EOS 500D นั้นก็ค่อนข้างน่าสนใจ LCD ขนาด 3-inch ความละเอียดจอแอลซีดี 920,000 Pixels สามารถใช้แบตเตอรี่สำหรับกล้องดิจิตอลที่เป็น Li-Ion ได้ น้ำหนักของตัวกล้องดิจิตอล Canon 500D นั้น มีน้ำหนักประมาณ 480g.

Samsung ST550 ใหม่ล่าสุด ตัวแรกของโลก มี LCD 2 จอในตัวเดียวST550 ได้รับการออกแบบเพื่อช่วยให้ผู้ใช้ดึงความเป็นศิลปินในตัวออกมาและถ่ายภาพได้อย่างสวยงาม คุณสมบัติของซัมซุงในการเน้นจุดเด่นของภาพ ช่วยให้ผู้ใช้จะสามารถเน้นส่วนใดส่วนหนึ่งของภาพโดยทิ้งให้ส่วนอื่นๆ ที่อยู่โดยรอบพร่ามัวไป เพื่อสร้างสรรค์ให้ภาพมีความน่าสนใจยิ่งขึ้น ST550 ยังสามารถถ่ายภาพวีดีโอคุณภาพระดับ HD ความละเอียด 1280x720p 30 ภาพต่อวินาทีในรูปแบบ H.264 ซึ่งช่วยให้มีเนื้อที่ในการจัดเก็บวีดีโอที่บันทึกได้มากกว่ารูปแบบ MPEG4 ถึง 2 เท่าและมากกว่ารูปแบบ MJPG ถึง 4 เท่า ขนาดตัวกล้องที่เล็กกระทัดรัดแต่ใช้งานได้อย่างถนัดมือ